ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค – มังคลัตติเป็นเปล เล่ม ๕ หน้า 107
อธิบายว่าภิกษุฉันละพ้น ย่อมเห็นทั้งความเกิดขึ้น ทั้งความเสื่อมไปแห่งจิตนั้น."
[๒๕๖๖] ในอรรถกถา ท่านกล่าวไว้ باستخدام "จิตของพระฉันละพ้น ย่อมไม่หวั่นไหว."
คำนั้น ผู้ศึกษาพิสูจน์ว่า 'ท่านกล่าวไว้ด้วยพระอธิษฐานบุคลชั้นอาญูญ.' จริงอยู่ ใคร ๆ อาจจะกล่าวได้ว่า "จิตของพระอธิษฐานสาวแม่อัศจรรย์จากพระฉันละพ้น ย่อมไม่หวั่นไหว."
จริงอยู่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสถามโดยความที่พระองค์ประสงค์จะตรัส (กฤฎฏุญตามปฏิทาน) อย่างนี้ว่า "ภิกษุทั้งหลาย ทั้งลา เสื่อมลา ยศ เสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ย่อมเกิดแก่ปุถุชนผู้ไม่ได้ดับ." ภิกษุทั้งหลาย ทั้งลา ฯลฯ ทั้งทุกข์ ย่อมเกิดแก่พระอธิษฐานา แม่ผู้ดับแล้ว ภิกษุทั้งหลาย บรรดาปุถุชนและพระอธิษฐานาเหล่านั้น อะไรเป็นเหตุผลกลกัน, อะไรเป็นความหมายต่างกัน, อะไรเป็นเครื่องกระทำพระอธิษฐานา ผู้ศึกษาแล้วให้ทันจากปุถุชนผู้ไม่ได้ดับคำว่า? ดังนี้แล้ว จึงตรัสอย่างนี้ว่า "ภิกษุทั้งหลาย ลาภ ย่อมกิจนี้แก่ปุถุชนผู้ไม่ได้ดับแล้ว, เขาจะมองไม่พิจารณาเห็นอย่างนี้ ย่อมไม่รู้ว่าถึงเป็นจริงว่า "ลากนั้นเกิดขึ้นแล้วแล แก่เรา, ก็แต่ว่า ลาภนั้นแล ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ความเสื่อมลา ย่อมเกิดขึ้นนั่น----- ยศ ----- ความเสื่อมยศ -----
นินทา---- สรรเสริญ ---- สุข ย่อมเกิดขึ้น ---- ทุกข์ย่อมเกิดขึ้น (แก่บา), เขาย่อมไม่พิจารณาเห็นอย่างนี้ ย่อมไม่รู้ว่าถึงเป็นจริงว่า 'ทุกข์นี้