ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค5- มังคลดาฏิปนิสมอเล่ม ๕ หน้า ๑๔
ด้วยว่า เมื่ออสราวุธเกิดขึ้นแล้ว ความทะวารเป็นต้นเหตุแห่งอสราวุธนั้นย่อมปรากฏ. และอสราวุธนั้นพอเกิดขึ้นเท่านั้น ก็ห้ามความที่ทวารเป็นอาจิ เทอุปนิสัยแห่งอสราวุธมีเดียว ย่อมเป็นไปแหมด ก็ในอสราวุธและอสราวุธทั้ง ๒ นี้ ลำดับความเป็นไปแห่งอสราวุธทั้งหลายดังนี้ เมื่อลงอารมณ์มีอารมณ์เป็นต้น ไปสู่ลกในปัญจวาระ, เมื่อลงอุส- ชนะเกิดขึ้นตามปัจจัยแล้วยังลงสว่างวรรค ชนะอันเป็นไปทางงมโม- ทวาร ทำอารมณ์มีรูปลักษณ์นั้นเป็นต้น ให้เป็นเครื่องขัดหน่วงแล้ว หยังลงสว่างวรรค ชนะกำหนดอารมณ์ในวาระนั้นนั่นแล โดยยึ- เป็นต้นว่า "หญิง ชาย" แล้วกลับลงสว่างวรรคอีก ในวารต่อไป ชนะอ้อมแห่นไปด้วยอำนาจจากมีความกำหนดเป็นต้น อารมณ์เช่นนั้น ย่อมกลับมา สู่คูลงมอเดียว ชนะเช่นนั้นนั้นแล ก็เกิดขึ้นในรูปปรามัณฑ์ เป็นอุบัติในปัญจวาระ. ท่านหมายเอาชนะนั้น จึงกล่าวว่าคือว่า "เมื่อไทยเครื่องสุดเป็นต้นเกิดขึ้นแล้วในชะนะ, ครั้นเมื่ออสราวุธนั้น มีอยู่, แม้วารกย่อมเป็นอื่นภิกขุไม่ยุ่งครองแล้ว. ฉันนั้นเหมือนกัน" พรรณาความในฝ่ายอสราวุธเท่านี้ก่อน. แม้นในฝ่ายสว่าง ผู้ศึกษาก็ทราบความโดยอิถานีนี้แล" แม้กีฏวิสุทธิมรรค ก็พิจารณาดู.
[๔๗๘] บุคคลผู้ประกอบด้วยอินทรีย์อสราวุธ ดังพรรณามานี้ ชื่อว่า ย่อมรักษาอินทรีย์ทั้งหลายเพื่อจะอุดสรรธรรมมีอธิษฐานเป็นต้น เพราะการสำรวมอินทรีย์นี้นั้นของบุคคลนั้น ชื่อว่า ย่อมเผลางูออกสรรธรรมมีอธิษฐานเป็นต้นหล่านั้น; เหตุนี้นับบุคคลมีอิทธิ์ สรรรให้พร้อมมูล เพื่อจะอุดสรรธรรมอธิษฐานเป็นอาทิ. และอินทรีย์