ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยคอมัล มังคลอดทีปนีแปล เล่ม ๕ หน้า 150
ใหม่ กล่าวว่าความเป็นผู้กิ้นอรั่ ไม่เป็นไปแล้ว ในว่า อุป-
วัตตุบูชรติกโลกุตตุมภาวนา
นั่น สมจริงดังที่พระอรัถ-
ถากาว่าในอรรถถกถาภูมิ องค์สมมิว่า "ถอดรหัสพระอรัถรอเป็น
ธรรมอันพระอรัถมิได้อบรมแล้ว อุปนทนกะที่เป็นไปในรูป
และอรูป ก็พึงเป็นไป เพราะเหตุไร ? เพราะความที่หยาดหลาย
แห่งความเป็นไปของอุปาทานนั้นมีอยู่ ก็มัรรนั้น เมื่อเกิดฉัน
เท่านั้น ย่อมถอนขึ้นซึ่งกิเลส ๘ กองหล้านี้ คือ "รูปปรากะ อรูปปรากะ
มานะ อง์ช่อจะ อวิชชา มานานุสัย ภาวนากามสู priority อวิชฌานสัย'
อุปนานกะที่เป็นไปในนพใหม่ของพระอิทธนาสง จักเป็นไปได้แต่ไหน
เล่า ในบัณฑิต อรหันวรรณ์ กระทำอยู่ซึ่งอุปาทานกะที่เป็นไป ไม่ให้
เป็นไปอย่างนี้ ย่อมออกจากอุปาทานกะว่า"
[๒๐๔] ก็พระธรรมเสนาบดี กล่าวความเป็นผู้กิ้นที่ไว้ณิกาส
แห่งปรมิตรสูตรอย่างนี้ว่า " ถามว่่า พระอรัถต์ ย่อมเป็นผู้กิ้นที่
ในอิทธุธรมณ์และอิทธุรธรรมมิได้อย่างไร ? แก้ว่า "พระอรัถต์
เป็นผู้กิ้นที่ในลม เป็นผู้กิ้นที่ แม้ในความเสื่อมลาภ แม้ในความ
เสื่อมยศ แม้ในสรเสริญ แม้ในเนิทา แม้ในสุข แม้ในทุกข์
ว่า บุคคลพึงเอาของหอมบงบ้างหิ้ง ถ้าว่า บุคคลพึงเอาพร้า ถ้า
ถากบานบ้างหิ้ง ราคะอ่อนไม่มีในเพราะการลบโลน ปฏิญะก็อ่อน ในมีโมในเพราะการถบโลน เพราะอรัถ ก็เป็นผู้ละซึ่งความดีใจและ
เสียใจ ล้วนเสียได้ซึ่งความย่อยยามและความคดี กว่าล่วงด้วยดีดัง
อ. อุฏฐาสิเน ๒๖๔. ๒ ข. มห. ๒๕/๑๙๙.