ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - มังคลัตถทีปิเปนเล่ม ๕ - หน้า 157
รู้จักของบุคคลอื่น เพราะความเป็นจิตสำเร็จด้วยฤทธิ์ จะรู้จักของบุคคลแม้ทั้งหมด โดยไม่แปลกกันได้หรือ ? จึงกล่าวคำเป็นต้นว่า 'ตุฏ' บทว่า น อริยัน ความว่า บุคคลเหล่านั้นชื่ออริยะ ด้วยจิตใจ ปฐมชน้อมไม่รู้จิตนั้น คือ โลกุตรจิต พระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำ ย่อมไม่รู้จิตของพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูง เพราะความที่จิตนั้นเป็นธรรมชาตินั่นเองไม่แทงตลอด. อธิบายว่า เหมือนอย่างว่า ปฐมชน้อมไม่รู้จิตของพระอริย เพราะมฤติตามพร ก็ความที่โลกลูดาอันตนเองก็ไม่แทงตลอด ฉันใด; ถึงพระอริยก็ฉันนั้น. แต่พระอริยผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูง ย่อมทราบ (จิต) ของพระอริยผู้ตั้งอยู่ในผลเบื้องต่ำ เพราะความที่จิตนั้นอันท่านแท่งตลอดแล้ว"
[๒๐๐] ฯ ก็กล่าวนิจของอธิษฐานว่า "บทว่า อริยัน ความว่า ปฐมชน้อมไม่รู้มรรคจิตผลของพระอริยทั้งหลาย. จริงอยู่ อนุปฺชุนไม่สามารถที่จะรู้มรรคจิตผลนั้น แม้ด้วยเจตปริญญา เพราะความที่โดปริญญาอนุปฺชุนได้รับมรรคอันสุดด้วยมรรคนิจและผลจิตนั้น. แต่ปฐมชน้อมรู้จิตของอันอื่นได้เหมือนกัน. ก็คำว่าที่ว่า พระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องต่ำ ย่อมไม่ทราบจิตของพระอริยบุคคลผู้ตั้งอยู่ในมรรคเบื้องสูง ดังนี้ พึงทราบว่า 'ท่านกล่าวหมายเอามรรคจิตผลจิตเท่านั้น.' ก็แม้พระอริยบุคคลทั้งหลาย มีพระโสดาบันเป็นต้น ย่อมอาจเพื่อจะรู้ ซึ่งผลอันตนบรรลุแล้วเท่านั้น ที่พระอริยจักษ์อันให้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยเจตปริญญา หาศาสตร์เพื่อรู้ผลอันตนยัง