ข้อความต้นฉบับในหน้า
11.5.2 การพิจารณาอริยสัจ 4 เป็นพระอริยบุคคล
ในการพิจารณาอริยสัจ 4 เพื่อก้าวเข้าสู่อริยภูมิ จำเป็นต้องเข้าถึงพระธรรมกาย และใช้
พระธรรมกายพิจารณาอริยสัจ 4 ในกายต่าง ๆ ดังนี้ คือ
1. ใช้ตา (ญาณ) พระธรรมกายแทงตลอดอริยสัจที่กลางกายมนุษย์ เห็นอริยสัจเหล่า
นี้ พร้อมกับเดินสมาบัติ เมื่อถูกส่วนเข้าพระธรรมกายก็ตกสูญเป็นดวงใส วัดผ่าศูนย์กลาง 5 วา
ในไม่ช้าสูญนั้นก็กลับเป็นพระธรรมกายหน้าตักกว้าง 5 วา สูง 5 วา เกตุดอกบัวตูม นี้เป็น
พระโสดา กล่าวคือ
เมื่อผู้ปฏิบัติภาวนาสามารถเจริญปัญญารู้แจ้งในพระสัจธรรมดังกล่าวจนถึง
ละสังโยชน์เบื้องต่ำ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลพตปรามาสได้แล้ว ก็ได้บรรลุมรรคผล
เป็นพระโสดาบัน และก็จะเห็นธรรมกายพระโสดาใสละเอียดอยู่ตลอดเวลา ไม่กลับมัวหมอง หรือ
เล็กเข้ามาอีก
2. แล้วนำธรรมกายพระโสดานั้นเข้าฌานดูอริยสัจของกายทิพย์ให้เห็นจริงในทุกข์ สมุทัย
นิโรธ มรรค ทำนองเดียวกับที่กล่าวมาแล้ว เมื่อถูกส่วนเข้าธรรมกายพระโสดาก็ตกสูญเป็นดวง
ใส วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ 10 วา ในไม่ช้าสูญนั้นก็กลับเป็นพระธรรมกายหน้าตักกว้าง 10 วา
สูง 10 วา เกตุดอกบัวตูม นี่เป็นพระสกิทาคามี กล่าวคือ
เมื่อพระอริยบุคคลนั้นสามารถละโลภะ โทสะ และโมหะ จนเบาบางลงมากแล้ว ก็ได้
บรรลุมรรคผลเป็นพระสกิทาคามี และท่านก็จะเห็นธรรมกายพระสกิทาคามีใสละเอียดอยู่
ตลอดเวลา
3. แล้วนำธรรมกายพระสกิทาคามีนั้นเข้าฌาน ดูอริยสัจของกายรูปพรหมให้เห็นจริง
ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เมื่อถูกส่วนเข้า ธรรมกายพระสกิทาคามีก็ตกสูญเป็นดวงใส วัด
เส้นผ่าศูนย์กลางได้ 15 วา ในไม่ช้าสูญนั้นก็กลับเป็นพระธรรมกาย หน้าตักกว้าง 15 วา สูง
15 วา เกตุดอกบัวตูม นี่เป็นพระอนาคามี กล่าวคือ
เมื่อพระอริยบุคคลนั้นละกามราคานุสัย และปฏิฆานุสัยได้อีก ก็ได้บรรลุมรรคผลเป็น
พระอนาคามี และก็จะเห็นธรรมกายพระอนาคามีของท่านใสละเอียดอยู่ตลอดเวลา
4. แล้วนำธรรมกายพระอนาคามีนั้นเข้าฌาน ดูอริยสัจของกายอรูปพรหมให้เห็นจริง
ในทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เมื่อถูกส่วนเข้าธรรมกายพระอนาคามีก็ตกสูญเป็นดวงใส วัดเส้น
ผ่าศูนย์กลางได้ 20 วา ในไม่ช้าสูญนั้นก็กลับเป็นพระธรรมกาย หน้าตักกว้าง 20 วา สูง 20 วา
เกตุดอกบัวตูม นี่เป็นพระอรหัตแล้ว กล่าวคือ
246 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน