ข้อความต้นฉบับในหน้า
10.4.2 ความเป็นเหตุปัจจัยของกันและกัน
ในที่นี้จะขอกล่าวถึงวงจรของสายเกิดอันเป็นปัจจัยแห่งการเกิดสังสารวัฏ การเวียนว่าย
ตายเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยปฏิจจสมุปบาทแต่ละองค์มีความเกี่ยวข้องกันดังต่อไปนี้
1. อวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร หมายความว่า อวิชชาเป็นปัจจัยให้ทำบุญทำบาป คือ
อวิชชา
สังขาร
กรรม (ดี-ชั่ว) -
- วิบาก (ดี-ชั่ว)
ดังที่ทราบแล้วว่า กรรมทางกาย วาจา ใจ ของมนุษย์เริ่มต้นจากเจตนา เจตนานี้มี
ทั้งที่เป็นกุศลและอกุศล ซึ่งส่งผลให้เกิดการคิดดี พูดดี ทำดี หรือคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ซึ่งเป็นส่วนของ
สังขาร เจตนานี้เองก็มีอวิชชาเป็นมูลฐาน ทำให้ประกอบสิ่งที่เป็นกุศล หรืออกุศล ซึ่งอธิบายใน
รายละเอียดดังนี้
(1) อวิชชาเป็นปัจจัยให้ทำดี โดยความดีนี้มี 3 ระดับ คือ
ระดับกามาวจร คือ ความดีที่ส่งผลให้ได้มนุษยสมบัติและสวรรค์สมบัติ ความดี
ระดับนี้ แบ่งออกเป็นความดีทางกายวาจาและใจ ความดีทางกายและวาจาเริ่มต้นมาจาก
ความดีทางใจเป็นพื้นฐาน เมื่อมีความดีทางใจ ก็เป็นปัจจัยให้เกิดความดีทางกายและทางวาจา
ติดตามมา จัดว่ามีอวิชชาเป็นปัจจัย เพราะทำโดยปรารถนาให้ได้มนุษยสมบัติ คือ เกิดเป็นมนุษย์
ถึงพร้อมด้วยลาภยศเป็นเครื่องตอบแทนยังปรารถนาการเวียนว่ายตายเกิดเพราะไม่รู้แจ้งนามรูป
ตามที่เป็นจริง
ระดับรูปาวจร คือ ความดีที่ส่งผลให้เกิดเป็นพรหมมีรูปร่าง ได้แก่ การได้
รูปฌาน 4 จัดว่ามีอวิชชาเป็นปัจจัย เพราะผู้ทำทำพร้อมทั้งปรารถนาการได้เกิดเป็นรูปพรหม
นับว่ายังข้องอยู่ในนามรูป
ระดับอรูปาวจร คือ ความดีที่ส่งผลให้เกิดเป็นอรูปพรหม ได้แก่ การได้
อรูปฌาน 4 จัดว่ามีอวิชชาเป็นปัจจัย เพราะปรารถนาการได้เป็นอรูปพรหม คือ พรหมไม่มีรูป
ยังข้องอยู่ในนาม'
1
1 บรรจบ บรรณรุจิ, กระบวนธรรมเพื่อความเข้าใจชีวิต ปฏิจจสมุปบาท, กรุงเทพฯ : ธรรมสภา, 2535, หน้า 96.
บ ท ที่ 10 ป ฏิ จ จ ส มุ ป บ า ท
DOU 209