ข้อความต้นฉบับในหน้า
สำหรับพระอริยบุคคลที่สามารถละสัญโญชน์ สังโยชน์เบื้องสูงอีก 5 ประการ คือ
รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ และอวิชชาได้โดยเด็ดขาดแล้ว ก็บรรลุมรรคผลเป็นพระ
อรหันต์ขีณาสพ และจะเห็นธรรมกายพระอรหัตของท่านใสละเอียด และมีรัศมีสว่างอยู่ตลอดเวลา
ไม่กลับมัวหมอง หรือเล็กลงอีก และก็จะมีญาณหยั่งรู้ว่าท่านได้บรรลุพระอรหัตผลแล้ว....
ในการเจริญสมาบัติพิจารณาพระอริยสัจทั้ง 4 นี้ เมื่อกำหนดรู้ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ
มรรค ทั้งในแง่สัจจญาณ กิจจญาณ และกตญาณแล้ว ญาณทั้งสามกลุ่มนี้เองที่เป็นปัญญาที่ผุด
ขึ้นมาเองในระหว่างการปฏิบัติ เป็นปัญญาที่ทำให้รู้ว่าสัจธรรมนั้นมีจริง ถ้าเพียรปฏิบัติอย่าง
ถูกทางไม่ท้อถอย ก็จะพ้นจากทุกข์ได้
การพิจารณาอริยสัจ 4 นี้ พระเดชพระคุณ พระมงคลเทพมุนีเรียกว่า “เสร็จกิจสิบหก
ไม่ตกกันดาร เรียกว่า นิพพานก็ได้”
11.6 ปฏิจจสมุปบาท
ดังเคยกล่าวไปแล้วถึงปฏิจจสมุปบาทในส่วนของทฤษฎี ในภาคปฏิบัตินี้จะได้อธิบาย
เพิ่มเติมดังต่อไปนี้
11.6.1 ความสำคัญของปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาทเป็นธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งที่สุดในบรรดาธรรมะทั้งปวงที่เป็นใบไม้ใน
กำมือ ธรรมทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ สรุปรวบยอดอยู่ที่ปฏิจจสมุปบาทนี้
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บรรลุธรรมแล้ว แต่ยังต้องพิจารณาปฏิจจสมุปบาทไปอีกถึง
5 สัปดาห์ จึงจะสามารถแทงตลอดในปฏิจจสมุปบาทได้พระพุทธองค์ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท
ด้วยวิตถารนัย คือนัยอันพิสดารซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัย 24 ประการ ที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์
มหาปัฏฐาน คือเหตุที่ทำให้ปัจจัยทั้ง 24 ประการนี้หมุนไป จึงแทงตลอด เมื่อแทงตลอดแล้ว
พระพุทธองค์จึงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างบริบูรณ์ โดยมีพระฉัพพรรณรังสีออกจาก
พระวรกาย ดังนั้นปฏิจจสมุปบาทจะเห็นได้ด้วยตาของพระธรรมกายอรหัตเท่านั้น กายธรรมอื่น
ไม่สามารถเห็นได้เลย
1 พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ) และคณะศิษย์, ทางมรรค ผล นิพพาน (ธรรมปฏิบัติ
ตามแนววิชชาธรรมกาย), กรุงเทพฯ: ชวนพิมพ์, 2523 หน้า 537-539
บ ท ที่ 11 วิ ปั ส ส น า ภู มิ ใ น ภ า ค ป ฏิ บั ติ DOU 247