ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 11
วิปัสสนาภูมิในภาคปฏิบัติ
การศึกษาวิปัสสนาภูมิที่ผ่านมา
เป็นการศึกษาในภาคปริยัติที่มีการศึกษาเล่าเรียนกัน
ทั่วไป ปรากฏเป็นหลักฐานทางคัมภีร์ และตำรับตำราต่าง ๆ พอให้เข้าใจในลักษณะพื้นฐานของ
วิปัสสนาภูมิ เป็นการเข้าใจในระดับสุตมยปัญญา และจินตมยปัญญาเท่านั้น แต่การเจริญ
วิปัสสนาที่แท้จริง จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ และเป็นหนทางเพื่อการหลุดพ้นได้นั้น จะเกิดขึ้นได้
ต้องศึกษาด้วยภาวนามยปัญญา
พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบ
วิชชาธรรมกายท่านได้กล่าวถึงสมถะและวิปัสสนาเอาไว้ว่า
“สมถะเป็นวิชชาเบื้องต้น พุทธศาสนิกชนต้องเอาใจใส่ คือ แปลความว่า สงบระงับใจ
เรียกว่า สมถะ
วิปัสสนาเป็นขั้นสูงกว่าสมถะ ซึ่งแปลว่าเห็นแจ้ง เป็นธรรมเบื้องสูง เรียกว่าวิปัสสนา
สมถะวิปัสสนา 2 อย่างนี้ เป็นธรรมอันสุขุมลุ่มลึกในทางพระพุทธศาสนา...
ตั้งแต่กายมนุษย์ถึงกายอรูปพรหมละเอียด แค่นั้นเรียกว่า ขั้นสมถะ ตั้งแต่กาย
ธรรมโคตรภูทั้งหยาบทั้งละเอียด จนกระทั่งถึงกายพระอรหัตทั้งหยาบทั้งละเอียดนี้ ขั้นวิปัสสนา
ทั้งนี้ที่เรามาเรียนสมถวิปัสสนาวันนี้ ต้องเดินแนวนี้ ผิดแนวนี้ไม่ได้ และก็ต้องเป็นอย่างนี้ ผิด
อย่างนี้ไปไม่ได้ ผิดอย่างนี้ไปก็เลอะเหลว ต้องถูกแนวนี้”
สมถะหมายเอาตั้งแต่ใจหยุด จิตปราศจากนิวรณ์ จนถึงกายอรูปพรหม
ส่วนวิปัสสนาหมายเอา ตั้งแต่เข้าถึงธรรมกายโคตรภู จนถึงธรรมกายพระอรหัตละเอียด
เพราะมีธรรมกายจึงจะไปรู้ไปเห็นแจ้งได้ในสิ่งที่วิเศษ สิ่งที่คนทั่วไปไม่เห็น การจะศึกษา
วิปัสสนาต้องมีธรรมจักขุของพระธรรมกายเสียก่อน จึงจะไปรู้ไปเห็นในเรื่องขันธ์ 5 อายตนะ 12
ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 ปฏิจจสมุปบาทได้
หน้า 4-13.
เอกสารรวบรวมพระธรรมเทศนา (พระมงคลเทพมุนี), กรุงเทพฯ : อาคารทวีสินคอมเพล็กซ์, 2539,
226 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน