ข้อความต้นฉบับในหน้า
ที่บุรุษมีกำลังสลัด 7 ครั้ง พร้อมที่จะปฏิสนธิวิญญาณ คือ กายที่ไปเกิดมาเกิดพร้อมที่จะปฏิสนธิ
โดยไปรวมกับธาตุหยาบ วิญญาณตรงนี้เป็นปฏิสนธิวิญญาณ เวลาที่บุญบาปส่งมาเกิด ตก
ศูนย์จึงกลายเป็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ในดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ที่บังเกิด
ขึ้น จากเดิมเป็นกายทิพย์จะรวมในจุดเล็กๆ ใสๆ ในกลางนั้นมีกายทิพย์ที่ไปเกิดมาเกิดใหญ่โต
อยู่ในนั้น พอบิดามารดาประกอบธาตุธรรมถูกส่วน ใจบิดามารดาและสัตว์ที่มาเกิดจะเนื่อง
เป็นอันเดียวกันกับการประกอบธาตุธรรม พอประกอบตรงนั้นแล้วเกิดการตกศูนย์กลายเป็น
ดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายมนุษย์หุ้มจุดเล็กๆ ใสๆ นั้นเอาไว้ ดวงนั้นประกอบด้วยธาตุดิน น้ำ
ลม ไฟ และเห็น จำ คิด รู้ ใหม่ของกายมนุษย์ที่เกิดขึ้นในกลางนั้น ตรงนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของ
นามรูป จากนั้นจึงเคลื่อนจากศูนย์กลางกายมารดาไปอยู่ที่มดลูกที่สเปิร์มกับไข่ผสมกันแล้ว
จึงเกิดการเจริญเติบโตเป็นปัญจสาขาและเจริญเติบโตตามลำดับ
วิญญาณทำให้เกิดนามรูป
ปฏิสนธิวิญญาณเป็นจุดเล็กๆ ตรงนี้เองที่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เรียกว่า
กำเนิดเดิมของกายมนุษย์ ซึ่งมีทั้งขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 อยู่
เป็นนามรูปในส่วนหยาบ กายก็เจริญเติบโตขึ้นแล้ว
นามรูปทำให้เกิดสฬายตนะ
เริ่มต้นของชีวิตตอนแรกมีแค่ศูนย์กลางกายกับหัวใจ ดังที่พระมงคลเทพมุนีกล่าวว่า
เห็นอยู่ในกลางกาย จำอยู่ในกลางเนื้อหัวใจ คิดอยู่ในกลางดวงจิต รู้อยู่ในกลางวิญญาณ
พอกายโตขึ้นจึงทำให้เกิดอายตนะต่าง ๆ ขึ้นมา
สฬายตนะทำให้เกิดผัสสะ
พอมีอายตนะ 6 แล้วมีผัสสะ มีการกระทบขึ้นมา คือต้องมีการรับรู้รส กลิ่น เสียง
ธัมมารมณ์ขึ้นมาแล้วมีการเสวยเวทนา ทารกตอนอยู่ในท้อง ถ้าจะให้รับรู้จริง ๆ แล้ว สามารถ
รับรู้ได้เมื่ออยู่ในระยะที่มีอายตนะ 6 ครบแล้ว
ผัสสะทำให้เกิดเวทนา
เมื่อมีผัสสะแล้วจึงทำให้เกิดเวทนา เวทนา คือ สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ ดีใจเสียใจ หรือว่า
เฉยๆ เกิดขึ้นมา เมื่อรูปมากระทบตา เข้ามาตามระบบที่ศูนย์กลางกายที่เห็น จำ คิด รู้
ความเห็นเป็นตัวที่รับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ก่อนมากระทบแล้วเกิดเป็นเวทนาขึ้นมา
เมื่อกระทบดวงเห็น ดวงเวทนาก็เกิดขึ้นในกลางดวงเห็น ถ้าเป็นความสุขจะมีลักษณะเป็นสีใสๆ
ถ้าเป็นความทุกข์จะมีลักษณะเป็นสีดำๆ ถ้าไม่สุขไม่ทุกข์จะมีลักษณะเป็นสีเทาๆ
250 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน