ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 10
ปฏิจจสมุปบาท
นักศึกษาได้ศึกษาวิปัสสนาภูมิมา 5 อย่างแล้ว ในบทเรียนนี้นักศึกษาจะได้เรียนรู้
วิปัสสนาภูมิประการสุดท้าย ซึ่งมีความเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับวิปัสสนาภูมิประการอื่น ๆ อยู่ด้วย
และเป็นหลักธรรมที่มีการกล่าวถึงกันมากในฐานะเป็นหลักธรรมที่มีความสำคัญในพระพุทธ
ศาสนา ซึ่งนักศึกษาจะได้ศึกษาในรายละเอียดต่อไป
10.1 คำแปลและความหมาย
ปฏิจจสมุปบาท มาจากคำบาลีว่า “ปฏิจจสมุปปาท” ซึ่งประกอบด้วยคำ ปฏิจจ กับ
คำว่า สมุปปาท ปฏิจจ แปลว่า อาศัย สมุปปาท (แยกเป็น ส์ ร่วม + อุปปาท เกิดขึ้น) แปลว่า
การเกิดขึ้นร่วมกัน
เมื่อรวมคำทั้ง 2 เข้าด้วยกัน จึงแปลได้ว่า การเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกัน
การเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกันนี้คือ การเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกันของอวิชชา สังขาร
วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ
ธรรม 12 ประการนี้ต่างเกิดขึ้นร่วมกันโดยอาศัยกันเกิดขึ้น ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างเกิดด้วย
ตัวเองโดด ๆ ปฏิจจสมุปบาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ก็ทรงมุ่งหมายที่จะทรงแสดงถึง
ภาวะที่ต่างฝ่ายต่างเป็นปัจจัยให้กันและกันเกิดขึ้น ดังจะเห็นได้จากพระพุทธดำรัสที่ตรัสไว้ว่า
“ภิกษุทั้งหลาย ปฏิจจสมุปบาท คืออะไร คือ การที่อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขาร
เป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูป นามรูปเป็นปัจจัยให้เกิดสฬายตนะ
สฬายตนะเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา
ตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน อุปาทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพ ภพเป็นปัจจัยให้เกิดชาติ
ชาติเป็นปัจจัยให้เกิดชรามรณะ”
สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, มก. เล่มที่ 26 ข้อ 2 หน้า 2.
198 DOU สมาธิ 8 วิ ปั ส ส น า กัมมัฏฐาน