ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตนไม่พึงปรารถนาทั้งหลายเหล่านี้มีอยู่ในก้อนกายทิพย์ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เป็นทิพย์เป็นต้นว่ารูปเสียง
กลิ่น รส โผฏฐัพพะ คือสิ่งสัมผัสทางกาย และธัมมารมณ์ เหล่านี้จึงเต็มไปด้วยตัณหา และ ชุ่ม
โชกสดชื่นไปด้วยตัณหา
สิ่งที่เป็นทิพย์นั้นเมื่อจุติแล้วก็จะไปแสวงหาที่เกิดใหม่เรียกว่า กายสัมภเวสี ถ้าแสวงหาที่
เกิดได้แล้วก็เรียกว่า กายทิพย์ ซ้อนอยู่ภายในกายมนุษย์ละเอียดนั้นแหละ จึงกล่าวว่าทุกข์เกิด
ขึ้น ตั้งอยู่ และเจริญอยู่ได้ ก็เพราะอาศัยสมุทัยซึ่งมีอยู่ในก้อนกายทิพย์เป็นเหตุ
ขอเน้นย้ำว่า กำเนิดเดิมของทิพย์ รูปพรหม อรูปพรหม ทั้งหยาบและละเอียดนั้น ก็มิใช่
อื่นไกล ก็คือ เห็น จำ คิด รู้ ซึ่งขยายส่วนหยาบออกมาจากขันธ์ 5 ที่กลางกำเนิดธาตุธรรมเดิม
ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์นั่นเอง
โดยเหตุนี้ กายทั้ง 8 คือ กายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด
กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด และกายอรูปพรหม กายอรูปพรหมละเอียด ซึ่งเป็น
กายโลกียะจึงต้องตกอยู่ในอาณัติแห่งพระไตรลักษณ์ คือ ความเป็น อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา
เมื่อเห็นด้วยตา และรู้แจ้งด้วยญาณพระธรรมกายว่า กามตัณหา ภวตัณหา และ
วิภวตัณหา ซึ่งรวมเรียกว่าสมุทัยนี้ เป็นเหตุให้เกิดทุกข์จริง (สมุทัยอริยสัจ) ชื่อว่าได้บรรลุ
สัจจญาณ เห็นแจ้งด้วยตาพระธรรมกาย รู้แจ้งด้วยญาณพระธรรมกายว่า สมุทัยอริยสัจนี้ควรละ
ชื่อว่าได้บรรลุ กิจจญาณ และเห็นแจ้ง รู้แจ้งด้วยญาณพระธรรมกายว่า สมุทัยอริยสัจนี้ เราละ
ได้แล้ว ชื่อว่าได้บรรลุกตญาณ ดั่งนี้เรียกว่า พิจารณาสมุทัย อริยสัจ เป็นไปในญาณ 3
3. ทุกขนิโรธอริยสัจ เมื่อเห็นแจ้ง รู้แจ้งในสมุทัยอริยสัจแล้ว ก็ต้องดูให้รู้ถึงสภาวะที่
ทุกข์ดับเพราะเหตุดับ ที่เรียกว่า ทุกขนิโรธอริยสัจนี้เป็นดวงกลมใสซ้อนอยู่ในสมุทัยอริยสัจ ใน
กลางขันธ์ 5 ในกำเนิดธาตุธรรมเดิม ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์นั่น
แหละ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 วา มีหุ้มซ้อนกันอยู่ 4 ชั้น คือ เห็น จำ คิด และรู้ ซึ่งขยาย
ส่วนหยาบออกมาเป็นกาย ใจ จิต และวิญญาณ (คือญาณ) ของกายธรรม
ขณะเมื่อมีนิโรธแล้ว สมุทัยย่อมหมดไป เหมือนรัศมีของพระอาทิตย์ที่ขจัดความมืดให้
หายไปฉะนั้น
อนึ่ง ใคร่จะขอทบทวนไปถึงที่เคยได้แนะนำวิธีพิจารณาเห็นจิตในจิต คือ อาสวกิเลส ซึ่ง
เอิบ อาบ ซึม ซาบ ปน เป็น อยู่ในเห็น จำ คิด และรู้ ของกายโลกียะทั้ง 8 ว่า เมื่อเจริญภาวนา
ได้ถึงพระธรรมกายแล้วนั้น ใจของพระธรรมกายอันประกอบด้วย เห็น จำ คิด รู้ ย่อมสิ้นรสสิ้น
ชาด จากอาสวะจนจืดสนิท และเห็น จำ คิด รู้นั้นก็กลับเป็นอาสวักขยญาณ ส่วนอวิชชาเครื่อง
บ ท ที่ 11 วิ ปั ส ส น า ภู มิ ใ น ภ า ค ป ฏิ บั ติ DOU 243