ความสัมพันธ์ระหว่างจิตและกาย MD 408 สมาธิ 8 หน้า 225
หน้าที่ 225 / 265

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างจิตและกาย โดยเฉพาะอาการป่วยที่เกิดจากอวิชชาและอาสวะ และการแสดงปฏิจจสมุปบาทโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่แสดงถึงเหตุและผลเพื่อให้เห็นถึงความทุกข์และสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์ รวมถึงวิธีการแสดงต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อการเข้าใจในธรรมชาติของการเกิดและดับ.

หัวข้อประเด็น

-ความสัมพันธ์ระหว่างจิตและกาย
-อาการป่วยที่ไม่มีสาเหตุ
-อวิชชาและอาสวะ
-ปฏิจจสมุปบาทของพระพุทธเจ้า
-การเข้าใจในธรรมชาติของชีวิต

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ โดยไม่ทราบหรือไม่มีสาเหตุ (เป็นทางกายสังขาร) หรือ ขุ่นมัวกราดเกรี้ยว ด่าว่าไปทั่ว โดยไม่มีเหตุอันควร (เป็นทางวจีสังขาร) หรือแสดงผลทางจิต เช่น อาการฟุ้งซ่าน หดหู่ใจ ใจเหี่ยวแห้งอยู่ลึกๆ โดยไม่ทราบเหตุชัดเจนหรือแน่ชัดเป็นเวลานานๆ หรือเป็นโรคจิต (โรคทางมโนสังขาร) ก็เพราะอาสวะและอวิชชานี้เอง เพราะทั้งจิตและกายต่างอาศัยพึ่งพา ซึ่งกัน และกัน ซึ่งกายอาศัยจิต และจิตก็อาศัยกาย ดังนั้นบางครั้งจักเห็นอาการกายบังคับจิต และบางครั้งก็เห็นจิตบังคับกาย 10.4.3 ลักษณะการแสดงปฏิจจสมุปบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากที่ผ่านมานักศึกษาได้เห็นความเป็นเหตุปัจจัยซึ่งกันและกัน คือ อวิชชาเป็นจุดเริ่มต้น และชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เป็นจุดสุดท้าย ที่ยกอวิชชาขึ้นแสดงก่อน เป็นเพียงการอาศัยอวิชชาเป็นจุดเริ่มต้น เพื่ออธิบายกระบวนของปฏิจจสมุปบาท หรืออาจเป็น ได้ว่า อวิชชาเป็นกิเลส เป็นตัวเด่นในวัฏฏะ จึงยกขึ้นแสดงเป็นอันดับแรก แต่ในการแสดง ปฏิจจสมุปบาทนั้น พระพุทธองค์มีวิธีการแสดงได้หลายวิธี ทรงแสดงเทศนาปฏิจจสมุปบาท เป็น 4 นัย ดังปรากฏในสังยุตตนิกาย คือ 1. อาทิปริโยสานอนุโลมเทศนา เป็นการแสดงองค์ของปฏิจจสมุปบาท ตั้งแต่ต้นจนถึง ที่สุด คือ ตั้งแต่อวิชชาไปตามลำดับ จนถึงชรามรณะเป็นที่สุด เพื่อชี้แจงถึงการเกิดขึ้นของสัตว์ ทั้งหลายว่า การเกิดของสัตว์ทั้งหลายนั้น ย่อมอาศัยเหตุโดยเฉพาะของตน ๆ อย่างหนึ่ง และเพื่อให้ ทราบถึงการเกิดขึ้นของเหตุต่าง ๆ เหล่านั้น ว่าจะต้องเกิดขึ้นเป็นไปตามลำดับ 2. มัชฌปริโยสานอนุโลมเทศนา เป็นการแสดงองค์ปฏิจจสมุปบาทจากตอนกลางไปถึง ที่สุด คือ ตั้งแต่เวทนาไปตามลำดับ จนถึงชรามรณะ เพื่อประโยชน์แก่บุคคลบางพวกที่ไม่เชื่อว่า โลกหน้ามีจริง จะได้ทราบถึงปัจจุบันเหตุ 5 อย่าง คือ ตัณหา อุปาทาน กรรมภพ อวิชชา และ สังขาร ที่กำลังเกิดอยู่กับเรา และเมื่อมีปัจจุบันเหตุแล้ว ผลในอนาคตก็จะต้องมีแน่นอน คือ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ที่เรียกว่า รูปนามขันธ์ 5 ของสัตว์ทั้งหลายนั่นเอง 3. ปริโยสานอาทิปฏิโลมเทศนา เป็นการแสดงองค์ปฏิจจสมุปบาท จากตอนปลายสุด ย้อนทวนไปถึงตอนต้น คือ ตั้งแต่ชรามรณะ ย้อนทวนไปตามลำดับ จนถึงอวิชชาเป็นที่สุด เพื่อให้บุคคลทั้งหลายได้เห็นธรรมที่เป็นเหตุแห่งความทุกข์ตามลำดับ ตั้งแต่ชาติจนถึงอวิชชา คือ ให้รู้ว่าความทุกข์ อุปายาส เหล่านี้ ปรากฏขึ้นได้โดยอาศัยชาติเป็นเหตุ ถ้าไม่มีชาติ (ไม่มีการเกิด) สังยุตตนิกาย นิทานวรรค, มก. เล่มที่ 26 ข้อ 60 หน้า 96. บ ท ที่ 10 ป ฏิ จ จ ส มุ ป บ า ท DOU 215
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More