ข้อความต้นฉบับในหน้า
ข้ามภพข้ามชาติปัจจุบันสู่อนาคต
ตัณหา อุปาทาน คือ กิเลส
ภพ คือ กรรม
ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส คือ วิบาก
2.) ปฏิจจสมุปบาทแบบทุกขณะจิต
ในวงจรปฏิจจสมุปบาทแบบทุกขณะจิต ชาติและชรามรณะไม่ใช่ภพชาติใหม่ แต่
หมายถึง การเกิดดับของจิตในทุกขณะ เป็นธรรมดาจิตของเราจะเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมี
การเกิดดับเร็วมาก ขั้นตอนการเกิดดับเรียกว่า อุปาทะ ฐิติ ภังคะ ซึ่งก็หมายถึง ชาติ ชรา มรณะ
นั่นเอง คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
มองย้อนกลับไป จิตเกิดมาได้เพราะมีภพอยู่ คือมีความเป็นอยู่ว่าเรา เห็นว่าสิ่งนี้
เป็นตัวของเรา ความดีเป็นสิ่งที่เกิดจากการกระทำของเราในทุกๆ อย่าง ที่ตรงนี้มีเกิดจากการ
ทำงานของกายและใจ เมื่อรับรู้รส กลิ่น รส เสียง สัมผัส เกิดเวทนาในใจ มองลงไปเราเห็นกิเลสฟุ้ง
ขุ่นตลอดเวลาเหมือนน้ำขุ่น ถูกกวนให้ตะกอนน้ำอุ่นตลอดเวลา เพราะเราไม่สำรวมอินทรีย์ จึง
เกิดความขุ่นตลอดเวลา ฉะนั้นร่างกายของเราจึงมีการทำงาน
บุญทำให้เกิด บาปทำให้ดับ เกิดดับ ๆ อยู่ตลอดเวลา ในทุก ๆ ขณะจิตของเรา
มีการทำงานเหล่านี้ตั้งแต่วิญญาณถึงภพ เพราะมีอวิชชาและสังขารเป็นราก
วิปัสสนาภูมิซึ่งประกอบด้วย ขันธ์ 5 อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4
ปฏิจจสมุปบาท ล้วนมีความเกี่ยวโยงกันตั้งแต่ต้น เมื่อไปดูการทำงานของปฏิจจสมุปบาท
ในช่วงท้ายจะพบว่า มีการทำงานเกี่ยวเนื่องกันอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการจะเห็นขันธ์ 5
อายตนะ 12 ธาตุ 18 อินทรีย์ 22 อริยสัจ 4 ต้องดูด้วยตาของพระธรรมกาย ตั้งแต่
กายธรรมโคตรภูถึงกายธรรมพระอรหัต ส่วนปฏิจจสมุปบาทนั้นเป็นธรรมที่ลึกซึ้ง จึงต้องเป็น
กายธรรมพระอรหัตเท่านั้น จึงพิจารณาเห็นได้
การศึกษาวิปัสสนาภูมิเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งยากแก่การเข้าใจด้วยสติปัญญาของ
มนุษย์ธรรมดา แต่เราทุกคนก็สามารถศึกษาได้ หากเราสามารถทำใจให้หยุดนิ่ง เข้าถึง
พระธรรมกาย ใช้ตาและญาณของพระธรรมกายไปศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ ก็จะทำให้สามารถ
รู้เห็นได้ตรง เป็นไปตามความเป็นจริง
บ ท ที่ 11 วิ ปั ส ส น า ภู มิ ใ น ภ า ค ป ฏิ บั ติ DOU 253