ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาชll
มนุสสภูมิ ที่สร้างบารมี
១៨៥
คำว่า มนุษย์ มาจากคำว่า มนะ + อุษยะ มนะ แปลว่า
ใจ อุษยะ แปลว่า สูง คนที่ได้ชื่อว่ามนุษย์ ได้ชื่อว่าเป็นผู้มี
ใจสูง ผู้ที่จะมีใจสูงได้ต้องมีมนุษยธรรมประจำใจ ได้แก่ มีศีล ๕
เป็นปกติ เหมือนเทวธรรมคือหิริโอตตัปปะ ก็เป็นธรรมะประจำ
ใจชาวสวรรค์ หรือหากปรารถนาจะไปเป็นสหายแห่งเทพ ก็
ต้องมีศีล ๕ และมีหิริโอตตัปปะเป็นอย่างน้อย หากปรารถนา
อยากไปเกิดเป็นพรหม ก็ต้องมีพรหมวิหารธรรม คือ เมตตา
กรุณา มุทิตา อุเบกขา เพราะฉะนั้นผู้ที่จะได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์
จำเป็นต้องมีเบญจศีลเบญจธรรม ๕ ประการ
୭
พระพุทธองค์ทรงจำแนกมนุษย์เอาไว้เป็น ๔ ประเภท
ประเภทที่ ๑ คือ บุคคลผู้มีดมามืดไป คือภพชาติอดีตได้ทำบาป
อกุศลเอาไว้มาก จึงเกิดมาเป็นคนยากจนเข็ญใจ เป็นคนพิกลพิการ
ขาดโอกาสในด้านต่างๆ แล้วยังประพฤติผิดศีลผิดธรรม ท่าบาป
อกุศลทางกาย วาจา ใจ เมื่อละโลกไปแล้ว ก็ต้องไปเป็น
สัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดียรัจฉาน ชีวิตตกต่ำลงไป
อีกโดยไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไรจะได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
ประเภทที่ ๒ คือ มืดมาแต่สว่างไป พวกนี้เป็นประเภท
คิดได้ คิดเป็น และสอนตัวเองได้ แม้ไม่มีโอกาสดีๆ เหมือนที่คน
ทั่วไปเขาได้ แต่ก็ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา อาศัยกัลยาณมิตรคอย