ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาช
จอมเทพอสูร
២៦៩
เราใคร่จะขอรับแต่อภัยอย่างเดียว
เมื่อท่านมาให้ภัยอย่างนี้
เรามิรับดอก ภัยนั้นจงตกอยู่กับตัวท่านเองเถิด สัมพรอสูรเอ๋ย
ธรรมดาว่า พืชทั้งปวงที่บุคคลหว่านลงไป คราวเมื่อจะได้ผล
ก็ให้ผลไม่ผิดกับชนิดพืชเลย ฉันใดก็ดี บุคคลทำการกุศล ก็จักพลัน
ได้ซึ่งผลแห่งกุศลนั้นอย่างแน่นอน แต่สำหรับบุคคลบาปหยาบช้า
ก็อย่าหมายเลยว่าจะไม่ได้รับผลแห่งความชั่ว ตัวท่านให้ภัย
แก่เหล่าอาตมภาพ ท่านก็จักได้รับภัยในไม่ช้านี้ ฉันนั้น”
จากนั้นเหล่าฤๅษีต่างพากันเหาะกลับอาศรมตามเดิม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สัมพรอสูรก็ไม่เป็นอันจะกินจะนอนเลย
มีแต่หวาดเสียวสะดุ้งจิตหวาดหวั่นอยู่เป็นนิตย์ เฝ้าแต่คิดกลัวภัย
ที่ดาบสกล่าวติเตียนเอาไว้ เมื่อจะเอนหลังลงสู่ที่นอนในยามราตรี
ก็มีอันให้เห็นศัตรูมาแวดล้อมกลุ้มรุม และจะเอาหอกหลาวทิ่มแทง
ทําให้ต้องหวาดผวาลุกขึ้นมาทันที
ด้วยเหตุนี้ หมู่อสูรต่างพากันแตกตื่นเป็นห่วง และมา
เยี่ยมเยียนไต่ถามถึงอาการมิได้ขาด เมื่อถูกถามเช่นนี้ สัมพรอสูร
ก็มิกล้าเล่าความจริง เกรงว่าจะได้รับความอับอาย จึงปกปิดไม่
บอกความจริงใดๆ ครั้นเวลานอนหลับ นิมิตร้ายนั้นก็มาปรากฏ
ให้เห็นอีก ทำเอาจอมอสูรเป็นไข้ใจ กลายเป็นเทพอ่อนแอ
ทั้งกายและใจ มีจิตหวาดหวั่นตกใจกลัวอยู่เป็นนิตย์ จึงได้รับ
ขนานนามใหม่ว่า ท้าวเวปจิตติ หมายถึงจอมอสูรผู้มีจิตหวาดหวั่น