ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชl
โลกุตตรภูมิ
៤៨៣
ออกจากหนทางนั้นเสีย แล้วขึ้นสู่หนทางนี้ จักมาถึงสระโบกขรณี
อันน่ารื่นรมย์ในไม่ช้า” เมื่อชายคนนั้นทำตามคำแนะนำ โดยเดิน
ลงสู่สระโบกขรณี ได้อาบและดื่มน้ำระงับความกระวนกระวาย
ความเหน็ดเหนื่อยและความร้อนหมดแล้ว ก็ขึ้นไปนั่งหรือนอน
ในแนวป่า เสวยสุขอย่างเดียว นี่ก็หมายความว่า พระพุทธองค์
นอกจากทรงรู้เห็นพระนิพพาน ซึ่งรู้เห็นได้ยากมากแล้ว ยัง
สามารถแนะนำให้ คนอื่นรู้เห็นพระนิพพานตามพระองค์ไปด้วย
สำหรับตัวอย่างของพระอริยสาวก ที่ได้ทรงให้ทัศนะ
เกี่ยวกับพระนิพพานไว้ ก็มีอยู่ด้วยกันหลายรูป อย่างเช่นใน
สมัยหนึ่ง พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร กำลังปฏิบัติศาสนกิจอยู่ที่
บ้านนาลกคามในมคธรัฐ วันหนึ่ง มีปริพาชกนักบวชนอก
ศาสนามีนามว่า ชมพุชาทกะ ได้เข้าไปหาท่านถึงที่อยู่ เรียนถาม
ถึงความสงสัยที่ค้างใจของตนมานานว่า
“ท่านสารีบุตรผู้เจริญ ที่เรียกว่าพระนิพพานนั้นน่ะ
พระนิพพานเป็นอย่างไร” พระสารีบุตรมีเถรวาทีตอบอย่างง่ายๆ
และสั้นๆ ว่า “ดูก่อนปริพาชก ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ
ความสิ้นโมหะ นี่แหละเรียกว่า พระนิพพาน” ชัมมุขาทกปริพาชก
ยังไม่หายสงสัย จึงเรียนถามต่อไปว่า “ดูก่อนท่านสารีบุตร
ก็มรรคาหรือปฏิปทาเพื่อที่จะกระทำพระนิพพานให้แจ้งมีอยู่
บ้างไหม”