ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรเพื่อประชาช
อร หั ต ต ภูมิ
๕๒๕
พระโสดาบัน พระสกิทาคามี และพระอนาคามียังเหลืออยู่นั้น
เพราะสภาวะของมรรคเบื้องต่ำทั้ง
๓
คือ โสดาปัตติมรรค
สกิทาคามิมรรค และอนาคามิมรรค เมื่อเกิดขึ้นแก่ผู้ที่ได้
เข้าถึง ทําให้ท่านได้เห็นอริยสัจ ๔ กำาจัดอวิชชาได้ทุกมรรค
ก็จริง แต่ว่าการที่มรรคเบื้องต่ำทั้ง ๓ เห็นอริยสัจ ๔ กำจัด
อวิชชาได้นี้ ก็เป็นประดุจเหมือนฟ้าแลบในยามกลางคืน ซึ่ง
สว่างวาบชั่วครั้งชั่วคราว แต่ยังไม่สามารถขจัดอนุสัยได้หมดสิ้น
ส่วนอรหัตตมรรคเป็นเหมือนกับฟ้าผ่า ตามธรรมดาสายฟ้าที่
ผ่าฟาดลงมาอย่างรุนแรงนั้น สิ่งที่กีดขวางอยู่จะถูกทำลายหมด
เช่นเดียวกัน เมื่อสายฟ้าผ่าคืออรหัตตมรรคผ่าฟาดลงมา
อนุสัยกิเลสทั้งหลายรวมถึงอวิชชานุสัย ก็จะถูกทําลาย ถูกขจัด
หายไปหมดสิ้น ไม่มีหลงเหลือติดอยู่ในใจอีกต่อไป
พระอรหันต์ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลชั้นสูงสุดในพระพุทธ
ศาสนานี้ มีอยู่ ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทที่มีฤทธิ์
พอประมาณกับมีฤทธิ์มาก ประเภทแรกที่ว่า มีฤทธิ์พอ
ประมาณนั้น หมายถึงว่า เป็นพระอรหันต์จําพวกสุกขวิปัสสกะ คือ
ผู้เจริญวิปัสสนาล้วนๆ เป็นผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา สมบูรณ์ด้วย
วิชชาและจรณะ มีฤทธิ์เดชพอประมาณ อรหัตตมรรคญาณ
ก็สามารถขจัดกิเลสอาสวะได้หมดสิ้น ทั้งสังโยชน์เบื้องต่ำที่
ภาษาธรรมะเรียกว่า โอรัมภาคิยสังโยชน์ และสังโยชน์เบื้องสูง