ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาชll
ภูมิของ พระสกิทาคามี
៥០៩
ในขณะที่อยู่ในมนุษยโลกนี้เอง
ประเภทที่ ๓ คือ ท่านที่เป็นพระสกิทาคามีตั้งแต่ตอนยัง
เป็นมนุษย์ เมื่อจุติเป็นเทวดาก็เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อ
จนได้บรรลุอรหัตตผลในเทวโลก ไม่ต้องกลับลงมาเป็นมนุษย์อีก
ประเภทที่ ๔ คือ เทวดาที่ได้สำเร็จเป็นพระสกิทาคามี
บุคคลในสวรรค์ แล้วเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อ จนกระทั่งได้
บรรลุอรหัตตผล และดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพานในเทวโลกนั้น
ประเภทที่ ๕ คือ ท่านที่สำเร็จเป็นพระสกิทาคามีตอน
เป็นเทวดา แต่ครั้นหมดอายุขัยก็จุติมาเกิดในมนุษยโลก แล้ว
บุญในตัวที่ทําไว้ จะเป็นดวงบุญดวงบารมีที่เต็มเปี่ยม เมื่อตั้งใจ
ปฏิบัติธรรมก็สามารถหยุดใจได้ บรรลุกายธรรมอรหัตเป็น
พระอรหันต์ และเข้าพระนิพพานในมนุษยโลกนี้
ตามปกติแล้ว กิเลสอาสวะจะไม่เกิดขึ้นแก่พระสกิทาคามี
บ่อยๆ เหมือนบังเกิดแก่ปุถุชนผู้ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏฏะทั่วไป
แต่จะเกิดขึ้นเป็นช่วงห่างๆ เกิดเป็นครั้งเป็นคราว และเมื่อเกิดขึ้น
ก็ไม่มีโทษร้ายแรงไม่ถึงกับกระทำความมืดมนอนธการให้กับท่าน
ถึงแม้กิเลสต่างๆ ซึ่งท่านเรียกว่า สังโยชน์เบื้องสูงจะยังคงอยู่
แต่ก็เบาบางมากเหมือนหมอกจางๆ หรือเหมือนแมลงภู่
ที่เคล้าคลึงเกสร แต่ไม่เคยย่ำยีดอกไม้ให้บอบช้ำ ฉะนั้น