ข้อความต้นฉบับในหน้า
Bะเพื่อประช
สัมมาทิฏฐิ (๓)
๒๑๖
พระเถระกราบทูลว่า “ยัญทั้งหลายย่อมกล่าวสรรเสริญ
รูป เสียง กลิ่น รส และหญิงที่น่าใคร่ทั้งหลาย ข้าพระองค์รู้ว่า
ของน่ารักน่าใคร่นั้นๆ เป็นมลทิน ตกอยู่ในอุปกิเลสทั้งหลาย
เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์จึงมิได้ยินดีในการเซ่นสรวงและการ
บูชาเพลิง ข้าพระองค์ได้เห็นธรรมอันระงับกิเลสแล้ว ไม่มีกิเลส
เครื่องเศร้าหมอง อันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล
ไม่ติดข้องอยู่ในกามภพ มิใช่วิสัยที่ผู้ใดจะนำมาให้ผู้อื่นรู้ได้ ไม่
แปรปรวนกลายเป็นอย่างอื่น เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงไม่ยินดี
ในการเซ่นสรวงและการบูชาไฟ”
พระอุรุเวลกัสสปะกล่าวจบ ก็ซบศีรษะแทบพระบาท
ของพระตถาคต พร้อมประกาศขึ้น ๓ ครั้งว่า “ขอพระผู้มีพระ
ภาคเจ้า จงเป็นศาสดาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เป็นสาวก
ของพระพุทธเจ้า" จากนั้นได้เหาะขึ้นกลางอากาศ ๗ ครั้ง ครั้งที่
๏ สูงชั่ว าตาลแล้วลงมาถวายบังคม ครั้งที่ ๒ สูงชั่ว ๒ ลำตาล
จนถึงครั้งที่ ๗ สูง ๗ ชั่วลำตาล แล้วลงถวายบังคมพระตถาคต
จากนั้นนั่งประคองอัญชลีด้วยความนอบน้อม
มหาชนเห็นปาฏิหาริย์ดังนั้น ต่างกล่าวสรรเสริญ
พระพุทธคุณว่า “น่าอัศจรรย์จริงหนอ พระพุทธเจ้ามีอานุภาพมาก
ธรรมดาผู้มีความเห็นผิดอย่างท่านอุรุเวลกัสสปะที่มีกำลังบริวาร
มากถึงเพียงนี้ ทั้งสําคัญตนว่าเป็นพระอรหันต์ แต่พระพุทธองค์