ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรระพี ประช
สังฆทาน ประเสริฐกว่า ปาฏิบุคคลิกทาน
ကဇက
ถ้าภิกษุผู้อยู่ป่าเป็นวัตร เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่ถือตัว ไม่พูดพล่าม
มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ มีใจตั้งมั่น มีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง
สำรวมอินทรีย์ เมื่อเป็นอย่างนี้ ภิกษุนั้นจึงได้รับสรรเสริญทั้ง
จากมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
ถ้าภิกษุผู้อยู่ใกล้บ้าน เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ไม่ตั้งใจประพฤติ
พรหมจรรย์ ก็ต้องถูกตำหนิเหมือนกัน ส่วนภิกษุใดแม้จะพำนัก
อยู่ที่วัดใกล้บ้าน ไม่ได้เป็นผู้บิณฑบาตเป็นวัตร ไม่ได้สมาทาน
ธุดงควัตร ไม่ได้ถือผ้าบังสุกุลเป็นวัตร แต่เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน
สํารวมอินทรีย์ มีกาย วาจา ใจ สะอาดบริสุทธิ์ ก็สมควรได้รับ
การสรรเสริญ ภิกษุรูปนั้นเป็นทักขิไณยบุคคลอันเยี่ยม”
เมื่อทรงอธิบายให้เข้าใจเช่นนี้แล้วทรงตอกย้ำาเพิ่มเติมว่า
“ดูก่อนคฤหบดี เชิญท่านทำบุญเป็นสังฆทานเถิด เมื่อท่านให้
สังฆทาน จิตจักเลื่อมใส ผู้ใดมีจิตเลื่อมใส เมื่อตายไป จักเข้าถึง
สุคติโลกสวรรค์” ครั้นได้ฟังคำแนะนำจากพระพุทธเจ้าแล้ว
ทารุกัมมิกคฤหบดีก็ทำตามพุทธโอวาททุกอย่าง ครั้นละโลกก็ได้
ไปเสวยสุขในสวรรค์
เราจะเห็นว่า การที่จะถวายทานจำเพาะเจาะจงพระ
อริยเจ้า เจาะจงภิกษุผู้อยู่ป่าหรืออยู่ในถิ่นทุรกันดารที่ไกลๆ จึง
เป็นความคิดที่ยังไม่ค่อยจะถูกต้องนัก เพราะถือว่าเป็นปาฏิ