ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 88
คุมพวิหาร ก็ควรเล่าไว้ในที่นี้
นักพรตผู้บวชด้วยศรัทธา มีปัญญาพิจารณา
เห็นผลโดยประจักษ์ ไม่ให้แม้แต่ความคิด
ในการแสวงหาไม่ควรด้วยประการทั้งปวง
เกิดขึ้น พึงทำอาชีวะให้หมดจดได้
ด้วยประการฉะนี้แล.
เหมือนอย่างว่า อาชีวปาริสุทธิ อันภิกษุพึงให้ถึงพร้อมด้วย
ความเพียร ฉันใด ปัจจัยสันนิสิตศีลก็พึงให้ถึงพร้อมด้วยปัญญา ฉันนั้น
เพราะปัจจัยสันนิสิตศีลนั้น เป็นปัญญาสาธนะ (มีปัญญาเป็นเหตุให้
สำเร็จ) เหตุว่าบุคคลผู้มีปัญญาเป็นผู้สามารถเห็นโทษและอานิสงส์
ในการบริโภคปัจจัยทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ปัจจยสันนิสิตศีลนั้น
ภิกษุผู้ละความกำหนัดในปัจจัยแล้ว พิจารณาด้วยปัญญาโดยวิธีตามที่
กล่าวแล้ว จึงบริโภคปัจจัยที่เกิดขึ้นโดยธรรมโดยสมควร (นั่นแหละ)
พึงทำให้ถึงพร้อมได้
ในปัจจยสันนิสิตศีลนั้น การพิจารณามี ๒ คือ พิจารณาในเวลา
ได้ปัจจัยทั้งหลาย ๑ พิจารณาในเวลาบริโภคปัจจัยทั้งหลาย ๑ ที่จริง
*
0
มหาฎีกาได้เรื่องมาเล่าไว้ว่า คราวหนึ่งเกิดทุพภิกขภัย พระเถระองค์นี้เดินทางไปอดอาหาร
ประกอบกับเมื่อยล้าในการเดินทาง เลยหมดแรง ลงนอนใต้ต้นมะม่วง ซึ่งกำลังมีผล ผลมะม่ว
สุกหล่นอยู่เกลื่อน (ก็ไม่หยิบฉัน) มีอุบาสกผู้เฒ่าคนหนึ่งมาพบเข้าทำอัมพบาน (น้ำมะม่วงคั้น)
ถวายให้ดื่ม แล้วยกขึ้นหลังไปส่งถึงที่อยู่ ระหว่างทางเถระสอนต้นตัวว่า "ท่านผู้เฒ่านี้ ไม่ใช่
พ่อไม่ใช่แม่ของเจ้า ไม่ใช่ญาติไม่ใช่เผ่าพันธุ์ ของเจ้าทั้งนั้น ท่านทำกิจถึงเช่นนี้ให้เจ้าก็เพราะเหตุ
ที่เจ้าเป็นผู้มีศีลเท่านั้นดอก' แล้วเจริญวิปัสสนาจนได้พระอรหัตผลตามทาง ทั้งที่อยู่บนหลังอุบาสกก
ผู้เฒ่านั่นเอง.