ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 47
ไปทางประตูพระนครแล้ว ทำสิ่งที่ตนต้องการได้ ฉันใด เมื่อความ
ทุศีลเป็นต้นเกิดขึ้นในชวนจิต ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ครั้นความไม่สำรวม
นั้นมีอยู่ แม้ทวารก็ชื่อว่าเป็นอันไม่ได้คุ้มครอง ถึงภวังคจิต ถึงวิถีจิต
มีอาวัชชนะเป็นต้น ก็ชื่อว่าไม่ได้คุ้มครอง แต่เมื่อสังวรมีสีลสังวร
เป็นต้นเกิดขึ้นในชวนจิตนั้นแล้ว แม้ทวารก็เป็นอันได้คุ้มครอง ถึง
ภวังคจิต ถึงวิถีจิตมีอาวัชชนะเป็นต้น ก็เป็นอันได้คุ้มครองแล้ว เปรียบ
เหมือนอะไร ? เปรียบเหมือนเมื่อประตูพระนครอันบุคคลระวังดีแล้ว
ถึงแม้ภายในเรือนเป็นต้นเขาไม่ระวัง
ถึงอย่างนั้นสิ่งของทั้งหมดใน
ภายในพระนคร ก็ชื่อว่าเป็นอันรักษาคุ้มครองดีแล้วทั้งนั้น เพราะเมื่อ
ประตูพระนครปิดแล้ว พวกโจรก็ไม่มีช่องทางที่จะเข้าไปได้ ฉันใด
เมื่อสังวรมีสีลสังวรเป็นต้นเกิดขึ้นในชวนจิต ก็ฉันนั้นเหมืนกัน แม้
ทวารก็เป็นอันคุ้มครองแล้ว ถึงภวังคจิต ถึงวิถีจิตมีอาวัชชนะเป็นต้น
ก็เป็นอันคุ้มครองแล้ว เพราะฉะนั้น ความสำรวมแม้เกิดขึ้นอยู่ใน
ขณะแห่งชวนะ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ความสำรวมในจักขุนทรีย์
นัยแม้ในข้อว่า ฟังเสียงด้วยหูเป็นต้น ก็ดุจนัยนี้เหมือนกัน ศีลที่
บรรยายมาอย่างนี้นี่ บัณฑิตพึงทราบโดยสังเขปว่า ชื่อว่าอินทรียสังวร
อันมีความเว้นจากการถือเอานิมิตที่กิเลสติดตามเป็นอาทิในรูป
ศีล
เป็นต้นเป็นลักษณะ.
[ อาชีวปาริสุทธิศีล ]
บัดนี้ พึงทราบวินิจฉัยในอาชีวปาริสุทธิศีล ซึ่งกล่าวไว้ใน