วิสุทธิมรรค: ศีลและอาสวะในพระพุทธศาสนา วิสุทธิมรรคแปล ภาค 1 ตอน 1 หน้า 28
หน้าที่ 28 / 184

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับศีลในพระพุทธศาสนาแบ่งเป็นสองประเภท คือ สปริยันตศีล ที่มีลาภ ยศ ญาติ อวัยวะ และชีวิตเป็นที่สุด และอปริยันตศีล ซึ่งมีความหมายว่าความคิดที่จะไม่ละเมิดสิกขาบทนั้นถูกกระตุ้นจากลาภ ศีลดังกล่าวยังแบ่งเป็นโลกิยศีลซึ่งมีอาสวะและโลกุตตรศีลที่ปราศจากอาสวะ โดยศีลถือเป็นหลักพื้นฐานในการดำเนินชีวิตในทางจิตวิญญาณ

หัวข้อประเด็น

-การศึกษาศีล
-ประเภทของศีล
-อาสวะในพระพุทธศาสนา
-ความสำคัญของศีล
-คำสอนของพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 26 ชื่อว่าสปริยันตศีล ที่ ลาภ ยศ ญาติ อวัยวะ และชีวิตเป็นที่สุด ตรงกันข้าม ชื่อว่าอปริยันตศีล จริงอยู่ แม้พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ก็กล่าวคำนี้ไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทาว่า "(ถามว่า) ศีลมีที่สุดนั้น เป็นไฉน ? ตอบว่า ศีลมีลาภเป็นที่สุดก็มี ศีลมียศเป็นที่สุดก็มี ศีลมีญาติเป็นที่สุดก็มี ศีลมีอวัยวะเป็นที่สุดก็มี ศีลมีชีวิตเป็นที่สุดก็มี (ถามว่า) ศีลมีลาภเป็นที่สุดนั้นเป็นไฉน ? (ตอบว่า) บุคคลลางคน ในโลกนี้ย่อมละเมิดสิกขาบทตามที่ตนสมาทานไว้ เพราะลาภเป็นเหตุ เพราะลาภเป็นปัจจัย เพราะลาภเป็นตัวการณ์ นี้ศีลนั้นชื่อว่ามีลาภ เป็นที่สุด" ถึงศีลนอกนี้ก็พึงให้พิสดารโดยอุบายนี้นั่นแล แม้ในการ ท่านก็กล่าวไว้ว่า "(ถามว่า) ศีลมิใช่มีลาภ เป็นที่สุดนั้นเป็นไฉน ? (ตอบว่า) บุคคลลางคนในโลกนี้ไม่ยังแม้แต่ ความคิดที่จะละเมิดสิกขาบทตามที่สมาทานแล้ว เพราะลาภเป็นเหตุ เพราะลาภเป็นปัจจัย เพราะลาภเป็นตัวการณ์ ให้เกิดขึ้น ไฉนเขาจัก วิสัชนาอปริยันต์ศีล ละเมิด (ด้วยกายวาจา) เล่า นี้ศีลนั้นชื่อว่ามิใช่มีลาภเป็นที่สุด" แม้ศีลนอกนี้ก็พึงให้พิสดาร โดยอุบายนี้เหมือนกัน ๒ อย่าง พึงทราบศีลเป็น โดยเป็นสปริยันตศีลและอปริยันตศีล ด้วยประการฉะนี้ [ ทุกะที่ ๗ ] ในทุกะที่ ๒ พึงทราบวินิจฉัยว่า ศีลมีอาสวะแม้ทั้งหมด เป็น โลกิยศีล ที่ไม่มีอาสวะเป็นโลกุตตรศีล ในศีล ๒ อย่างนั้น โลกิยศีล ๑. ขุ. ป. ๓๑/๖๒. ๒. บุ, ป. ๓๑/๖๓.
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More