ข้อความต้นฉบับในหน้า
ค้างอยู่แล้ว
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ -
- หน้าที่
เพราะเหตุนั้น จงทำวัตรเถิด
ดังนี้ นี้เป็นวิธี (ปฏิบัติ) แห่งเอกาสนิกภิกษุนั้น
147
แต่อย่าฉันโภชนะเลย
[ ประเภทแห่งเอกาสนิกภิกษุ]
ว่าโดยประเภท แม้เอกาสนิกภิกษุนี้ก็มี ∞ พวก
ใน ๓
พวกนั้น ผู้ถืออย่างอุกฤษฎ์ โภชนะจะน้อยหรือมากก็ตามเถิด
เธอหย่อนมือลงในโภชนะใด ย่อมไม่ได้เพื่อจะรับโภชนะอื่นจาก
โภชนะนั้น แม้ถ้าคนทั้งหลายรู้ว่า พระเถระไม่ได้ฉันอะไร ๆ เลย
ด.
ตรงนี้เข้าใจยากอยู่ ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาสำหรับเอกาสนิกภิกษุผู้ไปนั่งฉันในโรงฉัน ที่ท่าน
ให้เลือกนั่ง ณ อาสนะที่สมควรแก่ตน ก็เพื่อว่านั่งลงฉันแล้วจะได้ไม่ต้องลุก แต่ก็เกิดมีปัญหา
ขึ้นว่า กำลังฉันอยู่ พระอุปัชฌาย์หรือพระอาจารย์เข้ามาในโรงฉันจะทำอย่างไร ? ท่าน
แนะว่า ลุกขึ้นทำวัตรนั่นแหละควร ท่านแนะถูก เพราะว่า ถ้าไม่ทำวัตรก็ต้องอาบัติทุกกฏ
ด้วยอุปัชฌายวัตร อาจริยวัตรนี้ มิได้มีที่ยกเว้นว่า ถ้าถือธุดงค์แล้วไม่ต้องทำ คราวนี้ก็มี
ปัญหาต่อไปอีกว่า ลุกขึ้นทำวัตรแล้ว จะนั่งลงฉันต่อ ณ อาสนะเดิมได้หรือไม่ ท่านไม่
กล่าวไว้ให้ชัด แต่ดูเป็นที่ว่า นั่งลงฉันต่อไปได้ ท่านจึงนำเอาวาทะของพระจุฬาภัยเถระ ซึ่ง
เป็นคําแย้งมากล่าวไว้ในลำดับ
วาทะของพระจุฬาภัยเถระนั้น เมื่อได้ดูฎีกาประกอบแล้ว เข้าใจว่าท่านว่าดังนี้
ตามที่มีมติเป็น ๒ ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งว่าการนั่งเป็นหลักในการรักษาธุดงค์ข้อนี้ เพราะฉะนั้น นั่งลง
แล้วต้องไม่ลุกจนกว่าจะฉันเสร็จ ฝ่ายหนึ่งว่า การฉันเป็นหลักในการรักษาธุดงค์ ข้อนี้ เมื่อ
ไม่เป็นโอกาสที่จะฉันก็ลุกได้ แล้วมาฉันต่อให้อิ่มในมื้อเดียวนั้น ส่วนพระจุฬาภัยท่านว่า การ
ที่ฉันค้างอยู่แล้วลุกขึ้นทำวัตรเช่นนั้น จะถือการนั่งเป็นหลักลุกขึ้นเสียแล้ว จะถือการฉันเป็น
หลักก็ฉันแล้ว จะถือเอาการทำวัตรมาเป็นข้อยกเว้นก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อจะรักษาธุดงค์
ก็อย่าฉันอีกเลย จงทำวัตร ให้บริบูรณ์เถิด
๒. ท่านผู้ชำระปกรณ์วิสุทธิมรรคท่านว่า ความประโยคนี้ในคัมภีร์ฉบับอื่น ๆ ไม่มี น ปฏิเสธ
ถ้าเช่นนั้น ความก็จะเป็นว่า คนทั้งหลายรู้ว่าพระเถระได้ฉันอาหารน้อยเดียว จึงนำเภสัชมา
ถวายให้ฉันเพิ่มเติม ?