ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 159
ระหว่างพรมแดน ต้นไม้ที่เป็นเจดีย์ ต้นไม้มียาง ต้นไม้ (กำลัง)
มีผล ต้นไม้ (กำลัง) มีดอก ต้นไม้มีค้างคาว (เกาะ) ต้นไม้มีโพรง
ต้นไม้ที่อยู่กลางวัด” แล้วจองเอาต้นไม้ที่อยู่ชาย ๆ วัดเถิด นี้เป็นวิธี
(ปฏิบัติ) แห่งรุกขมูลทั้งคะ
[ ประเภทแห่งรุกขมูลิกภิกษุ]
အာ
ว่าโดยประเภท แม้รุกขมูลิกภิกษุนี้ก็มี ๓ พวก ใน ๓ พวกนั้น
ผู้ถืออย่างอุกฤษฎ์ จองต้นไม้แล้ว จะใช้ใครแล้วกวาด (พื้นที่)
ให้ตามชอบใจ หาได้ไม่ ต้องใช้เท้ากวาดใบไม้และหยากเยื่ออยู่เอง
ผู้ถืออย่างกลาง จะวานใครที่บังเอิญมาที่นั่น (ช่วย) แล้วกวาดให้ก็ได้
ผู้ถืออย่างเพลา จะเรียกคนงานวัดและสมณุทเทสมาช่วยชำระ (พื้นที่)
G).
ต้นไม้ที่พรมแดนคาบเกี่ยวนั้น ศัพท์ว่า มีมนตริกรุกข มหาฎีกาท่านว่า ตามแถบ
พรมแดนนั้น ไพร่พลสองฝ่ายมักจะปะทะกันอยู่เนือง ๆ แม้พวกโจรก็มักจะใช้เป็นที่มั่วสุมกัน
ดังนั้น ภิกษุจะไปนั่งอยู่เป็นสุขกระไรได้
ต้นไม้ที่เป็นเจดีย์ ศัพท์ว่า เจติยรุกข ได้แก่ ต้นไม้ที่คนนับถือกันว่ามีเทวดา (หรือผี)
สิง เกิดเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีคนไปบูชากันไม่ขาด ไม่สงบสงัดได้
ต้นไม้ทั้ง 4 ประเภทนี้ ล้วนแต่มีอันตราย และยากที่จะหาความสงบสงัด ภิกษุจึงไม่ควร
ไปจองนั่ง.
๒. ใบไม้และหยากเยื่อ แปลตามฉบับพม่าว่า ปุณณกสฎ ส่วนฉบับของเราเป็น ปณฺณส
มหาฎีกาแก้ว่า "รุกฺขโต ปติ ปณฺณ์ - ใบไม้ที่หล่นจากต้นแล้ว" แต่ความที่เป็นจริง น่าจะไม่
มีแต่ใบไม้ น่าจะมีอะไรอื่น ๆ ด้วย เช่น กะเทาะ เปลือก กิ่ง หนาม ฯลฯ อันรวมเรียกว่า
หยากเยื่อ
ที่เคร่งจนไม่ยอมใช้ไม้กวาด ต้องใช้เท้ากวาดนั้น ดูอย่างไรอยู่ ถ้าหนามยอกจะเอาว่า
กระไร พระธุดงค์จำต้องทำมักง่ายเช่นนั้นด้วยหรือ ถ้ากำหนดแต่เพียงว่า ผู้ถืออย่างอุกฤษฎ์
ต้องชำระโคนไม้อยู่ด้วยตนเอง ผู้ถืออย่างกลาง วานใครช่วยชำระก้ได้ ทำแต่พออยู่ได้ ส่วนผู้
ถืออย่างเพลา ใช้คนงานตกแต่งตลอดถึงล้อมรั้วติดประตูอยู่อย่างมิดชิดก็ได้ อย่างนี้จะเข้าใจง่าย