ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ -
[วินิจฉัยโดยลักษณะเป็นต้น]
- หน้าที่
127
ก็ธุดงค์ทั้งหมดนี้ มีสมาทานเจตนาเป็นลักษณะ จริงอยู่แม้คำนี้
ท่านก็ได้กล่าวไว้ว่า "ผู้สมาทานได้แก่บุคคล ธรรมเครื่องสมาทาน
ได้แก่จิตและเจตสิก สมาทานเจตนาเป็นตัวธุดงค์ สิ่งที่ห้ามคือวัตถุ”
อนึ่ง ธุดงค์ทั้งหมดนั่นมีอันกำจัดความละโมบเป็นรส มีอันราศจาก
ความโลเลเป็นเครื่องปรากฏ มีอริยธรรมมีความมักน้อยเป็นต้นเป็น
ปทัฏฐาน, ในบทเล่านั้น พึงทราบวินิจฉัยโดยปกิณณกะมีลักษณะ
เป็นต้น ดังนี้.
[ [วินิจฉัยโดยการสมาทาน และวิธี (ปฏิบัติ) เป็นต้น]
ส่วนวินิจฉัยใน ๕ บท มีบทว่า โดยการสมาทานและวิธี
(ปฏิบัติ) เป็นต้น พึงทราบต่อไป :- ธุดงค์ทั้งหมดนั่น เมื่อพระผู้มี
พระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ พึงสมาทานในสำนักของพระผู้มีพระภาค
เจ้า เมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว พึงสมาทานในสำนักของพระ
มหาสาวก เมื่อพระมหาสาวกไม่มี พึงสมาทานในสำนักพระขีณาสพ...
พระอนาคามี... พระสกทาคามี...พระโสดาบัน... ภิกษุผู้ทรงไตรปิฎก
ภิกษุผู้ทรงทวีปิฎก....ภิกษุผู้ทรงเอกปิฎก....พระเอกสังคีติกะ...พระอรรถ
กถาจารย์ เมื่อพระอรรถกถาจารย์นั้นไม่มี พึงสมาทานในสำนักภิกษุ
ผู้ทรงธุดงค์ แม้เมื่อท่านผู้ทรงธุดงค์ไม่มี จึงกวาดลานพระเจดีย์แล้ว
นั่งกระโหย่ง กล่าวสมาทานเหมือนอย่างกล่าวในสำนักของพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าเถิด แม้ว่าสมาทานด้วยตนเองก็ใช้ได้เหมือนกัน ก็แล
* เอกสังคีติกะ มหาฎีกาว่า หมายเอาภิกษุผู้ทรงพระสูตรนิกาย ๑ ใน ๕ นิกาย