ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ -
- หน้าที่ 162
โคนไม้ด้วย อพุโภกาสิกงฺค์ สมาทิยามิ ข้าพเจ้าสมาทานองค์ของ
ภิกษุผู้มีอันอยู่กลางแจ้งเป็นปกติ ดังนี้
[วิธี (ปฏิบัติ) ในอัพโภกาสิกังคะ ]
ก็แล การเข้าไปสู่โรงอุโบสถเพื่อการฟังธรรมก็ดี” เพื่อทำ
อุโบสก็ดี ย่อมควรแก่อัพโภกาสิกภิกษุนั้น ถ้าเมื่อเธอเข้าไปแล้ว
ฝนตกลงมาไซร้ เมื่อฝนยังตกอยู่ อย่าเพิ่งออก ต่อฝนหยุดจึงออกไป
อันอัพโภกาสิกภกษุนั้นเข้าไปสู่โรงฉัน หรือโรงไฟ ทำวัตรก็ดี
(เข้าไป) อาปุจฉา (เชื้อเชิญ) ภิกษุเถระด้วยภัตตาหารในโรงฉันก็ดี
เมื่อให้อุทเทส (สอน) หรือถือเอาอุทเทส (เรียน) เข้าไปแม้ที่
มุงบังก็ดี ขนเครื่องเสนาสนะ มีเตียงตั้งเป็นต้นที่วางเกะกะอยู่ข้างนอก
เข้าไปไว้ภายใน (ที่มุงบัง) ก็ดี ย่อมควร (ทุกอย่าง) ถ้าเดินทาง
ถือบริขารของภิกษุที่เป็นผู้เฒ่ากว่าไป เมื่อฝนตก เข้าสู่ศาลาอันตั้งอยู่
ในท่ามกลาง” ก็ควร ถ้ามิได้ถืออะไร จะแล่นไปด้วยหวังใจว่า
จะอยู่ในศาลา ย่อมไม่ควร” แต่พึ่งเดินโดยปกติเข้าไป ยืนอยู่จนฝนหยุด
จึงไปเทอญ นี้เป็นวิธี (ปฏิบัติ) แห่งอัพโภกาสิกภิกษุ นัยแม้แห่ง
รุกขมูลิกภิกษุก็ดุจนัยนี้.
๑. มหาฎีกาขยายความว่า ไม่ใช่แต่ตัวเข้าไปฟังเอง คนทั้งหลายอาจอาราธนาเธอให้เข้าไป
แสดงธรรม เธอเข้าไปเพื่อประโยชน์แก่พระศาสนา รักษาศรัทธาของผู้ฟัง ก็ควร
๒. มคฺคมชเฌ จิตสาล มหาฎีกาว่า เป็นศาลาที่เขาปลูกไว้ตรงกลางทางเดิน เช่นที่มีอยู่ในสีหล
ทวีป ผู้จะเข้าไปพัก ไม่ต้องแวะลงจากทาง ตรงเข้าไปเลย
๓. มหาฎีกาท่านว่า ไม่ควร เพราะเสียสารูป