ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๑ - หน้าที่ 105
อาศัยแห่งกุศลธรรมนั้น ๆ นับว่าเป็นการรวมเอาไว้ เพราะทำ
ความไม่กระจัดกระจาย (แห่งกุศลธรรมนั้น ๆ) เพราะเหตุนั้น ท่าน
จึงเรียกว่าศีล เพราะอรรถว่าเป็นรากฐาน กล่าวคือเป็นการเข้าไปรับ
ไว้และรวมเอาไว้ ดังกล่าวแล้วในเบื้องต้นนั่นแล ธรรม ๔ อย่างนอกนี้
ท่านกล่าวหมายเอาความเป็นไปเองแห่งใจ โดยเว้นจากโทษนั้น ๆ ด้วย
โดยสำรวมต่อโทษนั้น ๆ ด้วย โดยเจตนาสัมปยุตด้วยความเว้นและ
ความสำรวมทั้งสองนั้นด้วย โดยไม่ละเมิดแห่งบุคคลผู้ไม่ล่วงโทษนั้น ๆ
ด้วย* ส่วนอรรถว่าธรรม ๔ อย่างนั้นเป็นศีล ข้าพเจ้าแถลงไว้ข้างต้น
แล้วแล ศีลเป็น ๕ อย่าง โดยเป็นเป็นปัญจศีล มีปหานศีล เป็นต้น จึง
ทราบด้วยประการฉะนี้.
ก็แลการแก้ปัญหาเหล่านี้ คือ อะไรเป็นศีล ที่เรียกว่าศีล เพราะ
อรรถว่าอะไร อะไรเป็นลักษณะ เป็นรส เป็นเครื่องปรากฏและเป็น
ปทัฏฐานของศีลนั้น ศีลมีอานิสงส์อย่างไร และศีลนั้นมีกี่อย่าง จบลง
เพียงนี้แล.
[ ความเศร้าหมองและผ่องแผ้วแห่งศีล ]
ส่วนปัญหากรรมข้อที่ว่า อะไรเป็นความเศร้าหมอง และอะไร
เป็นความผ่องแผ้วแห่งศีลนั้น ข้าพเจ้าจะกล่าวแก้ในปัญหากรรมนั้น
ต่อไป ความที่ศีลขาดเป็นต้น ความเศร้าหมองแห่งศีล ความที่
* หมายความว่า เมื่อปหานะเป็นไปแล้ว ธรรมอีก ๔ อย่าง คือ ความเว้น ความสำรวม เจตนา
และความ
ความไม่ล่วงโทษนั้น ๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นและเป็นไปเอง มหาฎีกาอธิบายว่า เอกกขณปี ลภนฺติ
ธรรมเหล่านี้ย่อมมีในขณะ (จิต) เดียวกันก็ได้