ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - พระธัมปิฏกฉบับแปล ภาค ๑ - หน้า 78
พร้อมเพรียงกัน จำเดิมแต่เมื่อมีมวลมาภูมารอกพระชนม์ของพระองค์ดังว่า "ภิกษุทั้งหลาย เรื่องนี้ได้เคยมีแล้ว ในเมืองพาราณสี ได้สมพระเจ้ากสินทรา (พระองค์หนึ่ง) ทรงพระนามว่าพระพุทธเจ้าพรหมทัต" ดังนี้เป็นต้น แม้บรรดาสงฆ์ว่า "ภิกษุทั้งหลาย ความอดกลั้นและความสงบเสถียร เห็นปานนั้น ยังได้แน่แล้วในพระราชกาลนั้น ผู้ไม่มองอัตถอีไวแล้ว ผู้มีศีลธราจน่ออีไวแลแล้ว ข้อที่จะทนทั้งหลายผู้บวช แล้วในธรรมวินัยที่ว่าชอบแล้วอย่างนี้ ควรเป็นผู้อดกลั้นเป็นผู้สงบ เสงี่ยม จะพึงมาจนธรรมวินัยนี้และ "ภิกษุทั้งหลาย" ดังนี้แล้ว ก็ไม่สามารถจะทำรองทั้งหลาย ให้พร้อมเพรียงกันได้เลย.
[พระศาสดาเทสจึงอาศัยดุจนี้ในปัจจุบันอยู่ว่า "พระองค์ทรงพระทัย เพราะมีความอยู๋่ดีกันนั้น ทรงพระดำรว่า "เดี๋ยนี้เรอยู๋่เกียรเป็นทุกข์ และภิกษุลนี้ไม่ทำ (ตาม) คำของเรา ถ้าอย่างไร เราพึงหล่อออกจากหมู่ผู้อยู่เดียว" ดังนี้เสด็จเทวีบิณฑบาตในเรื่องโกสิมะ ไม่รสอนพระภิกษุสงฆ์ ทรงถือบาตรจีวรของพระองค์เสด็จไปพาลโภคนารม แต่พระองค์เดียว ศรัสทิวาอาศิริวัด-แก่พระภิกษุในกลุ่มโกลาณกันแล้ว ศรัสอานิสงส์แห่งมงคลศีลแก่กุลบุตร ๓ คน ในมิคทายวัน- ชื่อบัณฑวิสสะแล้ว เสด็จไปทางบ้านปริเฉยยะ ดังได้ลำบาม ครั้งนั้นพระภูมิพระศรี
๑. วิสุตฺต เป็นภิกขุอาจารย์ บอกอนาคตดกดก แต่ในประโยคนี้ มี นาม จึงแปล วิสุตฺต เป็นอดีตฺต.
๒. ให้แก้ปฏิบัติของภิกษุอยู่ผู้เดียว ๓. ปีอังประทานให้หมูนี้อาย่ ปานนี้จะใครจะทอ่นอันตรายแก่หมูสัตว์ไม่ได้.