ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปราชญ์- พระธรรมปาฏิพากย์แปล ภาค ๔- หน้าที่ 198
อุบาลท์ ฉันเป็นบรรพชน..." โจรเฝ่านั้นหมอบลงที่ใกล้พระเศรษให้พระเศรษออกโทษด้วยคำว่า "โปรดอดโทษเถิด ขอตรับ พวกกระผมได้สำคัญว่าเถิด" เมื่อหัวหน้าโจรออกว่า "เราจักบูชาในสำนักงานพระเณรในเจ้า," พวกโจรที่เหลือก็กล่าวว่า "แม้พวกเราก็ข้ากบวช" มีนทะเป็นอันเดียวกันทั้งหมดเทียว ขอบรรพากะพระเณร: พระเณรให้โจรเหล่านั้นทั้งหมดบวช คูสังจิตวาสน.จำเดิมแต่นั้น พระเณรปากชือว่า "ขานูญา" ท่านไปสำนักพระศาสดาพร้อมด้วยฤกษ์เหล่านั้น, เมื่อพระศาสดาถามว่า โถนากูญาเธอได้อึดๆเตาลึกแล้วหรือ? จึงกราบทูลเรื่องนั้น.
[คนมีปัญญาดีกว่าคนทรามปัญญา]
พระศาสดาตรัสถามว่า "เขาว่าอย่างนั้นหรือ? ฤกษ์ทั้งหลาย" เมื่อฤกษ์ฤทนั่นดูว่า "ถูกแล้ว พระเจ้าข้า, พวกข้าพระองค์ไม่เคยเห็นอนุภาพเห็นปานนั้นของผู้อื่นเลย, ด้วยเหตุนัน พวกข้าพระองค์จึงบวช." จึงตรงว่า "ฤกษ์ทั้งหลาย ความเป็นอยู่แม้ววันเดียวนอของพวกเธอ ผู้ประพฤติในปัญญาสัมปทานบันดาล ประเสริฐกว่าความตังอยู่ในกรรมของผู้มีปัญญาผรามเห็นปานนั้น เป็นอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอสนิทแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:- "ถัญใดมีปัญญาดาม มี่ใจไม่ตั้งมั่น พึงเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี, ความเป็นอยู่วันเดียวของผูมีปัญญามีมาก ประเสริฐกว่า ความเป็นอยู่ของผู้นั้น."