ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประชโฉก - ตติยสันตาปาสาทิกา อรรถกถาพระวินยมหาวรรค ตอน ๒ - หน้าที่ 235
ถ้าเรือนอยู่เฉพาะในทะเลตลอดภายใน ๓ เดือน (๑๒๔) ก็พึง
ปวดรานาในเรือนนั้นเกิด.
ลำดับนั้นถ้ารีบถึงฝั่งเข้า ฝ่ายกิเลสนี้เป็นผู้ต้องการจะไปต่อไป
จะไปไม่ได้ ควรอยู่ในบ้านที่เรือจอดนั่นแหละ แล้วบวรนาฆบกิริย
ทั้งหลายเกิด.
ถ้ามั่วว่าเรือจะไปในอันตามริมฝั่งเท่านั้น แต่กิเลสอยากจะอยู่
ในบ้านที่เรือถึงเข้าก่อนนั้นแหละ เรื่องไปเกิด, ภิกษุพึงอยู่ในบ้านนั้นแหละ
แล้วบวรนาฆบกิริยาทั้งหลายเกิด.
ใน๓ สถาน คือ ในพวกโคด่าง ในหมู่เมีอน ในเรือ ไม่มี
อาบัติ becauseขาดพรรณ, ทั้งได้เพื่อป้องกันด้วย
ปุ้นในเรือถึงเข้าก่อนนั้นแหละ เรื่องไปเกิด, ภิกษุพึงอยู่ในบ้านนั้นแหละ
แล้วบวรนาฆบกิริยาทั้งหลายเกิด.
ใน๓ สถาน คือ ในพวกโคด่าง ในหมู่เมีอน ในเรือ ไม่มี
อาบัติ เพราะขาดพรรณ, ทั้งได้เพื่อป้องกันด้วย
ส่วนในเรือก็ทั้งหลาย มีเรื่องว่า " ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ผิดถือครอง
ด้วยสัตว์ร้าย" เป็นต้น มีสงเคราะห์เป็นที่สุด ซึ่งมีแล้วให้หนุนหลัง
ไม่เป็นอาบัติอย่างเดียว, แต่ภิกษุไม่ได้เพื่อป้องกัน.
ทว่า ปิฏกอริสิกา คือ ปิฏกาสังเคราะห์เอง ชื่อว่าปิฏกอริสิกา.
วินิจฉัยในข้อว่า น ภิกษุจะ รูปเทคนิค นี้ พึงทราบดังนี้ :-
จะจำพรรษาในโรรงไม้ล้วนเท่านั้นไม่ควร. แตะต้องมิ้งงังด้วย
แผ่นกระดานคดปะตูสำหรับเข้าออกในภายในโพรงไม้ใหญ่นแล้ว จำ
พรรษาอยู่ แม้จะติดต่อไม้ (สัปปากะปูเรียบไว้) ทำกระท่อมมิ
กระดานมุงบังดอกไม้แล้วจำพรรษาก็สามารถเหมือนกัน.
วินิจฉัยในข้อว่า รุกขวิลัย นี่ พึงทราบดังนี้ :-
จะจำพรรษาลักษณะนาคคบไม้ล้วนไม่ควร. แต่ว่าทิ้งผูกเป็นร้าน