ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ตติยสนมปาสักทา กอรรถกถาวินัย มหาวรรค ตอน ๒ - หน้าที่ 397
ตอบว่า "ก็ตี้ว่า พระผู้มีพระภาคจะพึงสกัดกั้นอิทธิฤทธิ์ผู้ถูก
วัตถุว่า"ฤทธิ์มุนี อันท่านทั้งหลายยกวัดแล้ว โดยมิใช่เหตุ," หรือ
จะพึงสกัดกั้นอิทธิฤทธิ์ผู้ประพฤติตามฤทธิ์ผู้ถูกวัตถุว่า "ท่านทั้งหลาย
ต้องอาบัติ," ภิกษุเหล่านั้น จะกล่าวว่า"พระผู้มีพระภาคเป็นฝึก
ฝ่ายแห่งภิกษูเหล่านี้, พระผู้มีพระภาคเป็นฝึกฝ่ายแห่งภิกษูเหล่านี้,"
และผู้อาทมาติ, เพราะเหตุนัน พระผู้มีพระภาคจะทรงตั้งเพียงแบบแผน
เท่านั้น จึงทรงภาษิตนี้ความนันแล้ว เสด็จจากอาสนะหลิกไปเสิรย์.
ในอ่าวา อฏฺฏุนา อ ณ อฏฺฏุนา นี้ มีความว่า ภิกษุใด นั่งใน
ฝ่ายแห่งเหล่าอธรรมวา ที่ ผู้มีฤทธอันสง่างามยังทำแก่ภิกษูอรรถวกถามว่า "พวกท่านกล่าวอย่างไร ?" ได้ฟังลักษณ์ของพวกเธอและของ
อีกฝ่ายหนึ่ง ยังจิตใจให้เกิดขึ้นว่า "กิฏิหฤท่านนี้ เป็นธรรมวาที, กิฏิหฤท่านนี้ เป็นธรรมวาที;" ภิกษุองค์นั้นนั่งในท่ามกลางแห่งพวกภิกษุ
อธรรมวานัน ยอมเป็นนานาสังฆาของพวกเธอ; ย่อมยังกรรมให้
กำเร็า; ชื่อว่าจะงกรมของอิทธิฝ่ายหนึ่งให้ดำริเอง เพราะข้อที่เธอไม่
มาเข้าเหตุบาป สิกขุอัญญ่อทำตนให้เป็นนานาสังฆด้วยตนเอง ด้วย
ประกายอย่างนี้.
แม่นในข้อว่า สนามสวาสติ นี้ มีความว่า อภิญญาใด นั่งใน
ฝ่ายอธรรมวา ที่ทราบว่า "พวกนี้เป็นอธรรมวา" พวกนออกจากนี้เป็น
ธรรมวา" แล้วเข้าไปในท่ามกลางของพวกนัน, [๒๒๓] นั่งแล้ว
ในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ถืออยู่ว่า "พวกนี้เป็นธรรมวา." ภิกษุนี้พระอาบ
ว่า"ทำตนให้เป็นสนามสวาสติด้วยตนเอง."