ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ตัดสินปาสักก์ กถิอธิบาลจริ ซึ่งในบทนี้ 315
กรณ" กีเมื่อจุนครานแล้วอย่างนั้น ถ้าเหลวกทายกถอนอานิสงส์
ที่นำมา พร้อมกับจุนวิจารว่า "ภิกษุรูปใดได้รับผ้ากุฏิของพวกข้าเจ้
พวกข้าถวายแกกิฏิรูปนั้น" ดังนี้ ภิกษุสงฆ์ไม่เป็นใหญ่. ถ้า
เขาไม่ได้รับเสียไว้ ถวายแล้วก็ไป, ภิกษุสงฆ์เป็นใหญ่; เพราะเหตุ
นั้น ถ้ามีท่านที่เหลือทั้งหลาย ของภิกษ์ผู้กรายเป็นของชำรุด, สงฆ์
พึงอัปโลกให้ผ้าเพื่อประโยชน์แก่จิวิร แม้หลานนั้น. ส่วนธรรมวาจา
ลงให้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น. ผ้าอานิสงส์กิฏิที่ยังเหลือ พึงแจกกันโดย
ลำดับแห่งผ้าจำ่นำพระร. เพราะไม่มีสิลัก พึงแจกตั้งแต่เณรอาสนะ
ลงมา.[๒๐๔] ครูอาจารย์ไม่ควรแจก, แต่ถ้าในสมัยเดียวมีหลาย
วิหาร, ต้องให้ภิกษุทั้งปวงประชุมกันในที่เดียวกัน; จะรณกัน
เป็นแผนก ๆ ไม่ควร.
[อนิตตกากรและอัดตกกากร]
ก็วันนี้ เพื่อจะแสดงวิธีที่จุนจะเป็นอันครนา. และไม่เป็นอัน
กรานโดยพิสรา พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ก็แลกิฏิ
เป็นอันครนาแล้วด้วยอย่างนี้, ไม่เป็นอันครนาแล้วอย่างนี้" เมื่อ
จะทรงแสดง อรรถนิติอิ มหารูมิ และอนิตตกลักษณะก่อน จึงทรง
แสดงอาการกสี สีว่า"อุดจิตจิตตกุตตน" เป็นดังนี้; ต่อจากนั้น
ไป เมื่อจะแสดงอัตตลักษณะ จึงทรงแสดงอาการสิบเจ็ด มีคำว่า อตตนต ตต" เป็นวรรค. จริงอยู่ แม้นก็มีวิธีบริวาร ท่านก็
ได้กล่าวลักษณะอย่างนี้เหมือนกันว่า "๗กุฏิ" เป็นอันครนา ด้วยอาการ