การเข้าใจนิโรธ: สุดท้ายแห่งโลก พระแท้ หน้า 111
หน้าที่ 111 / 371

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงการตีความคำว่า "นิโรธ" ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่าเป็น "ที่สุดแห่งโลก" โดยที่เมื่อถึงที่สุดแห่งโลกแล้ว จะไม่มีการเกิด แก่ ตาย และจะไม่ต้องหวังในโลกนี้และโลกหน้าอีกเลย ข้อความนี้จึงมีความสำคัญในการเข้าใจหลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยพระองค์ได้กล่าวไว้ว่า ไม่มีใครสามารถเข้าถึงที่สุดแห่งโลกได้และสามารถทำให้สิ้นสุดทุกข์ได้ หากยังไม่ถึงนิโรธ คล้ายกับคำว่า "โลกวิทู" ที่หมายถึงการรู้แจ้งโลกอย่างแท้จริง

หัวข้อประเด็น

-นิโรธ
-ที่สุดแห่งโลก
-คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-การรู้แจ้งโลก
-โลก ๓

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ตายเกิด ซึ่งทรงบัญญัติว่า “ทุกขนิโรธคามินีอริยสัจ” หรือ “มรรคอริยสัจ” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียก “นิโรธ” ว่า “ที่สุด แห่งโลก” ณ ที่สุดแห่งโลกนั้น ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องแก่ ไม่ต้อง ตาย บุคคลที่ยังไม่ถึงที่สุดแห่งโลก ย่อมไม่สามารถทำที่สุดแห่ง ทุกข์ได้ ที่สุดแห่งโลกนั้นไม่สามารถไปถึงได้ด้วยยวดยานใด ๆ ทั้ง ยังไม่ปรากฏว่า มีบุคคลอื่นใดจะพึงทราบ จึงเห็น พึงถึงที่สุด ของโลกเลย แต่พระองค์นั้นทรงทราบชัดด้วยญาณทัสสนะอัน เกิดจากการปฏิบัติธรรม และทรงถึงที่สุดแห่งโลกแล้ว ทรงอยู่ จบพรหมจรรย์แล้ว” ทรงสงบด้วยประการทั้งปวง มิได้ทรงหวัง โลกนี้และโลกหน้าอีกเลย เพราะเหตุนี้ พระองค์จึงทรงพระนามว่า “โลกวิทู” คือ “ทรงรู้แจ้งโลก” 9 นัยที่ ๒ “โลก” หมายถึงโลก ๓ ซึ่งประกอบด้วย ๑) สังขารโลก หมายถึง ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ๒) สัตวโลก หมายถึง สัตว์ผู้ไปเกิดมาเกิดโดยอาศัย ขจัดกิเลสอาสวะได้หมดสิ้นแล้ว ๑๐๙
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More