ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓. อิทธิวิธี
๔. ทิพพโสต หรือ หูทิพย์
๕. เจโตปริยญาณ
5. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ
๗. ทิพพจักขุ หรือ ตาทิพย์ หรือ จุตูปปาตญาณ
๔. อาสวักขยญาณ
จากพระพุทธดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกี่ยวกับ
วิชชา ๘ นี้ จะเห็นว่าหลักสำคัญในการปฏิบัติเพื่อบรรลุญาณ
ระดับต่าง ๆ ก็คือ “จิตเป็นสมาธิ ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว”
ๆ
ได้กล่าวไว้ในตอนต้นบทนี้แล้วว่า การอบรมใจให้เป็น
สมาธิแน่วแน่นั้น จะต้องวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่ง
เป็นที่ตั้งถาวรของใจ ดังนั้น “จิตเป็นสมาธิ ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว”
จึงหมายถึงการตั้งจิตมั่นไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เมื่อผู้
เจริญภาวนาสามารถตั้งจิตมั่นไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗
อย่างแท้จริง จนสามารถบรรลุ “วิปัสสนาญาณ” ได้แล้ว หรือ
กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า “บรรลุธรรมกายโคตรภู” ซึ่งจะเป็น
บาทฐานไปสู่ธรรมกายพระอริยบุคคลระดับต้น ครั้นเมื่อสมาธิ
ก้าวหน้ามากขึ้น บรรลุญาณสูงขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่ธรรมกาย
๒๕๑