ข้อความต้นฉบับในหน้า
นั้นต้องออกมาแสวงหากันเองในภายหลัง ทั้งนี้ย่อมแสดงให้เห็น
ว่าบรรพบุรุษของเรานั้น ท่านถือว่า “เรื่องของคุณธรรมสำคัญ
กว่าวิชาชีพ” จึงต้องรีบปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเยาว์
นอกจากนี้ บรรดาชายหนุ่มเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์
แล้ว ก็จะต้องอุปสมบทเป็นพระภิกษุอย่างน้อยหนึ่งพรรษา
เป็นประเพณีสืบทอดกันมานานแสนนาน เพื่อเรียนรู้คุณธรรม
กันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเริ่มทำมาหาเลี้ยงชีพหรือมีครอบครัว
ชายใดที่บวชเรียนแล้วก็จะได้รับการยกย่องนับถือจากสังคม
ดังมีสำนวนชาวบ้าน เรียกผู้บวชเรียนแล้วว่า “คนสุก” ส่วนชาย
ที่ยังไม่ได้บวชก็ถือว่ายังเป็น “คนดิบ” อยู่ ศัพท์สองคำนี้คงจะ
ใช้เทียบกับผลไม้หรืออาหารนั่นเอง ผลไม้หรืออาหารใด ๆ ที่
“สุก” แล้ว ย่อมมีคุณค่าควรแก่การบริโภค ส่วนที่ยัง “ดิบ”
นั้นยังด้อยคุณค่า ต้องรอเวลาพัฒนาต่อไป
โดยที่บรรดาชายหนุ่มในสมัยโบราณ ได้รับการศึกษา
เล่าเรียนและการสั่งสอนอบรมจากพระภิกษุสงฆ์มาแต่เยาว์วัย
ครั้นเมื่อบรรลุนิติภาวะก็ยังได้โอกาสอุปสมบทเป็นพระภิกษุอีก
ระยะหนึ่ง บางท่านก็บวชอยู่หลายปีจึงลาสิกขา การฝึกอบรม
เหล่านี้ คือช่วงเวลาแห่งการปลูกฝังสัมมาทิฏฐิ และโยนิโส
๓๒๑