ข้อความต้นฉบับในหน้า
จากพระดำรัสที่ยกมานี้ มีคำศัพท์ที่พึงทําความเข้าใจอยู่
หลายคำ คือ
“ทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย” หมายถึง “อายตนะภาย
ใน ๖” เหตุที่ใช้คำว่า “ทวาร” ซึ่งแปลว่า ประตู ก็เพราะอายตนะ
ภายในทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เป็นทางเปิดรับ
อายตนะภายนอกทั้ง 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และ
ธรรมารมณ์ (อารมณ์ที่รู้ด้วยใจ) อายตนะภายในจึงเป็นเสมือน
“ประตู” ที่เปิดรับบุคคลภายนอกเข้ามาในบ้าน ส่วนอายตนะ
ภายนอกทั้ง 5 นั้น มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “อารมณ์ 5”
“เห็นรูปด้วยจักษุ” โบราณาจารย์ทั้งหลายอธิบายว่า
ลำพังจักษุหรือตาเห็นรูปไม่ได้ เพราะไม่มีใจ ลำพังใจก็เห็นรูป
ไม่ได้ เพราะไม่มีประสาทตา แต่ขบวนการของการเห็นจะต้อง
ประกอบด้วยองค์ ๓ คือ ตา รูป และใจ กล่าวคือ จักษุ (ทวาร)
กับรูป (อารมณ์) กระทบกัน บุคคลย่อมเห็นรูปนั้นได้ด้วยใจ
เมื่อใจรับรู้อารมณ์ทางตาแล้ว ย่อมท่าให้เกิดการเห็นขึ้น นี่คือ
ความหมายของ “เห็นรูปด้วยจักษุ” บางแห่งท่านใช้ “เห็นรูป
ด้วยจักษุวิญญาณ” “วิญญาณ” ในที่นี้หมายถึง การรับรู้ด้วยใจ
ในขณะที่อายตนะภายในและภายนอกกระทบกัน
๑๗๕