ข้อความต้นฉบับในหน้า
พุทธศาสนาหลังพุทธกาลล่วงพันปีร่าว 500 ปี ได้แผ่ขยายไปทั่วทิศตะวันตก ทิศเหนือ และทิศตะวันออก ในทิศตะวันตกนั้น แม้ว่าจะได้ขยายไปอย่างเข้มข้นในช่วงแรกๆ ภายหลังต้องเผชิญความกดดันทั้งทางสงคราม การเมือง สังคม และศาสนา หากจะยังมีพระสัมพรรรษรแท้หลงเหลืออยู่ก็จะต้องถูกฝังกลบหลบซ่อน ยากลำบากในการค้นหา ส่วนในทิศเหนือนั้นได้รับความกดดันน้อยกว่า เพราะมีเจ้านครทั้งทิรกและอินเดียพิทักษ์รักษาอยู่ แม้ภายหลังก็มีคลื่นศาสนาอิสลามเข้ามาดุเกาความจนต้องหลบหนี และกลบฝังคัมภิรไร้ ซึ่งอาจมีกลืนเหลืออยู่บ้างตามถ้ำรอยุคเขา และทะเลทรายที่ห่างไกล โดยเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้รับการค้นพบคัมภิรเก่าๆ มากขึ้นทำให้ภาพของพระพุทธศาสนาในอดีตกาลคลี่คลาย ส่วนทางอีเชียอาณเยมิคัมภิรเกรีรวา หลงเหลืออยู่มากกว่า ทั้งยังมีมักรีเชีย ชาวเมือง พระธาตุ ปกปักษา ฯลฯ การศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดีของไทย ยังไม่มีการวิจัยในเรื่องนี้อย่างจริงจัง พระสัมพรรษรดั้งเดิมยูคพุทธกาลน่าจะยังมีแต่ถูกกลบ หรือถูกทำลายด้วยฝีมือธรรมชาติ เช่น เมืองถล่ม น้ำท่วม ส่วนตามถ้ำและป่าเขายังไม่มีการค้นหาอย่างจริงจัง
ในปี พ.ศ. 2492 นักปรัชญาชาวเยอรมันชื่อ คาร์ล จัสเปอร์ส (Karl Jaspers) ได้เข้าสู่ยุคทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยุคนึ่งซึ่งเขาเรียกว่ายุคแกนหลักของโลก (The Axial Age) ซึ่งครอบคลุมกระบวนการทางจิตวิญญาณบนพื้นที่เราเรียกว่า ยูเรเซีย (Eurasia) รว้ก้าวร้อยปีก่อนการประสูติของพระสมณโคดม ดินแดน “ภูมิภาคตอนกลางหนึ่งเดียว” (A Single Central Region) หรือยูเรเซียนี้ มีได้เป็นบ้านป่าเมืองเรือน แต่มีความเจริญด้วย