ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระองค์จึงตรัสตอบว่า เป็นเพราะพระองค์ “ทรงเห็นแล้ว” ว่าในใจของพระเทวทัตไม่เหลื่อความขาวอยู่เลยแม้แต่เท่าปลายเส้นขน จึงได้พยายามอย่างนั้น มีข้อความเต็มดังนี้
“อนนท์ เราย่อมไม่พิจารณาเห็นบุคคลอื่นแม้คนหนึ่งที่เราได้กำหนดรูเหตุทั้งปวงด้วยใจแล้วพยากรณ์อย่างนี้เหมือนเทวทัตเลย ก็ท่ว่าเราได้เห็นธรรมของเทวทัตแต่แม่เพียงหยดน้ำที่สลัดออกจากปลายขนทรายอยู่ตราบใด ตราบนั้นเรา也ยังไม่พยากรณ์ว่าเทวะต้องเกิดในอายตนะ ตนตราอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้ แต่เมื่อเราไม่ได้เห็นธรรมของเทวทัตเลยแม่เพียงเท่่าน้ำที่สลัดออกจากปลายขนทราย เราจึงได้พยากรณ์ว่าเทวะต้องเกิดในอายตนะ ตราณจะอยู่ตลอดกัป เยียวยาไม่ได้....”
เรื่องการมองเห็นเหตุของการไปสู่นิพพานหรือทุตตันนั้น พระมงคลเทพมุนี (สด จนทสโร) ก็ได้กล่าวไว้คล้ายกันว่า
“สถานที่เป็นบุญ เป็นดวงใสดีติตอยู่ในศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์ สภาพที่เป็นบาป เป็นดวงดำ ติดอยู่ในศูนย์กลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นมนุษย์แบบเดียวกัน ถ้าดวงบุญใหญ่โตกว่า ก็นำไปสู่สรรค์ ถ้าดวงบาปใหญ่โตมากกว่านั้นก็ไปสู่ นรก ใครจะ แก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทั้งนั้น ย่อมเป็นไปตามคิดของตน”
“ถ้่าว่าสัตว์ในโลก มีธรรมดำล้วน ไม่ได้มีธรรมขาวเข้าไปเจือปนเลยเท่าเปล่าๆปลายผมปลายขน ดำล้วนก็เดียว แตกกายทำลายขั้น โน อายตนะโลกันตรึงดูด ต่ำกว่า ภาพ 3 ลงไปนี้”