ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทำลายล้างพุทธศาสนาโดยชาตรีพรหมณและอินดในเวลาต่อมา พระเจ้าอโศกสุวรรณคตไปแล้ววา 50 ปี ชาติรีย์องค์สุดท้ายในรัชกาลนี้คือพระเจ้าพุทธทร ถูกแม่ทัพปุผู้ยิมิศรุ คุงคะ ปราบดาภิเษกแล้วตั้งรัชกาลณ์สุคคะ (185-73BCE.) กษัตริย์ราชวงค์คุคคะเป็นพราหมณ์จึงสงหารชาวพทธเป็นจำนวนมาก ทำลายลบ 84,000 แห่งของพระเจ้าโลค ทำลายคัมภีร์สำคัญของพุทธคือ คัมภีร์โอควาทาน และเปลี่ยนวัดพุทธเป็นอินด รวมทั้งนาสลันทา พุทธรรยา สารนาทและมฤฎี
ประวัติศาสตร์พุทธศาสนาว่าด้วยการแยกนิยกายออกจะคุมเครือและสับสน มีความขัดแย้งกันระหว่างหทนของนักวิชาาอย่างหลายหลายอย่างไร้ตกคุ้มระกับพระสุขาไชติรงกันว่าการแยกสายเกิดขึ้นจริง แต้าการแตกนิยเป็นหินนานและมหานานอย่างชัดเจนมาเกิดในยุคหลังๆในการท่านนาคารชุน ผู้ซึ่งนิยก “มัยยคน” เน้นหลักสุขญาติและซุปธญาปรามิตา รวพ.ศ. 700-800 แต่มหาสงิชกะซึ่งเป็นพระภิกษุชุนแยกตัวออกมาเมื่อพ.ศ. 100 หลังการสังคายานครั้งที่สองนี้ถือได้ว่าเป็นต้นสายของมหายาน ซึ่งนี้เพราะว่าหลังการโตัแย้งก็สามารถอุติและแยกย้ายกันไปด้วยดีพระภิกษุสชโตลังกะว่า การถกแถียงครั้งนั้นสามารถอุติได้อย่างรบรื่นซึ่งถูกบันทึกไว้ในพระวินัยทุกชัน ท่านยังกล่าวต่อไปว่า การแตกนิยกค่อยๆดำเนินไปตั้งแต่เราว พ.ศ. 300-500 ซึ่งในช่วงเวลานั้นมหายาน (หรือสำนักงาน
7 Kimura. 1927. A Historical Study of the Terms Hinayana and Mahayana and the Origin of Mahayana Buddhism. และอุนิยามศพท์
8 Ven.Bhikku Sujato. 2006. Sects & Sectarianism, The Origins of Buddhist Schools. บทที่ 3