ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมาภายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับประชาชน
ดร.ชนิดา สรุปว่าจะแบ่งกลุ่มคัมภีร์คร่าวๆ ได้เป็น 3 กลุ่ม ตามลำดับเวลา ดังนี้
1. คัมภีร์ในส่วนของหินยานซึ่งมีลักษณะของความระมัดระวัง และการ "ตัดสิ่งที่ไม่แน่ใจออกไป" คงบันทึกไว้แต่หลักธรรมหรือหลักการปฏิบัติที่มั่นใจว่าถูกต้องเต็มร้อยเท่านั้น โดยมิได้บันทึกสิ่งที่เป็นประสบการณ์ภายในที่เป็นลาดไว้ หรือแม้แต่หลักธรรมบางอย่างที่ไม่แน่ใจก็เป็นไปได้ว่าจะถูกตัดออกหรือจะเลยไปในยุคสมัยที่การถ่ายทอดเนื้อหาอยู่ในหมู่ของผู้ที่มีประสบการณ์การปฏิบัติในระดับที่ยังไม่สมบูรณ์ เป็นไปได้ว่าความไม่นมั่นใจในเนื้อหาคำสอนที่กล่าวถึงประสบการณ์ที่สูงกว่าหรือที่ละเอียดเกินกว่าที่กลุ่มผู้ตรวจชำระคัมภีร์จะเข้าใจได้อาจเป็นเหตุให้เนื้อหาของคำสอนในส่วนละเอียดบางอย่างถูกทอดทิ้งไป
2. คัมภีร์รวมหมายยุคก่อนขยายความ เกิดขึ้นเพื่อ "รักษา" เนื้อหาคำสอนโบราณในส่วนที่ไม่ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์หินยาน/เถรวาทให้อยู่และสืบต่อมาถึงยุคหลัง ดังที่พบในพระสูตรมหายานบางพระสูตรที่มีแต่เนื้อหาคำสอนล้วนๆ โดยยังไม่มีหลักฐานของการโต่งแง้ทางความคิดใดๆ ตัวอย่างของพระสูตรในกลุ่มนี้ เช่น ตลกดครรภะสูตร ที่ ศ.ชมเมธรแมน ผู้ศึกษาความเป็นมาของพระสูตรนี้มาอย่างยาวนานกว่าลาว่า
"ตลกดคําพฤทธสูตรของอินเดีย ฉบับสันสกฤต เขียนขึ้นโดยชาวพุทธ เป็นภาพรวมที่สมบูรณ์ของคำสอนในพระพุทธศาสนาที่ดังเดิมมากๆ และน่าจะไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อโตตอบนักคิดรุ่นหลังอย่างที่หลายๆ ท่านเข้าใจ เพราะน่าจะเขียนขึ้นมานาน