ข้อความต้นฉบับในหน้า
สีลพฤปรามาส พระสกทาคามิขัดได้ 2 ตัวคือ กามาราคะ พยาบาท ชั้นหยาบ พระอนาคามิขัดได้ 2 ตัวคือ กามาราคะ พยาบาท ชั้นละเอียด และใบท้ายที่สุด พระอรหันต์สามารถขัดได้ถึง 5 ตัวคือ รูปาราคะ อรูปาราคะ มานะ อุทธังจึ่ง อวิชชา บาป-อกุศล ทั้ง 10 ตัวนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดสัตว์ พระมนคลเทพมูล (สด จุนทะโล) แยก กามาราคะ พยาบาท เพิ่มขึ้นเป็นชั้นหยาบและชั้นละเอียด การจัดลำดับกิเลสที่ถูกจัดออกไปนั้นสอดคล้องกับที่ปรากฏในพระบาลีมาก ในส่วนของโภคาวจารั้นบาป-อกุศล หรือกิเลสที่ถูกจัดออกไปมีชนิดประเภทยกต่างออกไปกล่าวคือ โสดาบุปฏิยจัก จิตตุปปาท สกทาคามิผลบัดิก ทุถิฌโมโลโลโมโหได้อนาคามิผลบัดิ มุจจิมะ ทุกๆจงจะ ถึงได้ และพระอรหันต์จงจัดมิตทะ อภิริกะ อโนตัปปะ อิสสา โยคาวจรเรียกอดุศรธรรมเหล่านี้ว่า “บาป” ซึ่งถูกจัดตามพระบาลีอยู่ในกลุ่มอคถเจติสิก 14 ประการ ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องของความคิด วสัยทัศน์ และทัศนคติแล้ว ยังเพิ่มเรื่องของอารมณ์ เช่น ถึง : ความหดหู มิทธะ : ความวังเวงเหงา ทุกจงจะ : ความเดือดร้อนใจเขามาด้วย และที่เห็นได้ชัดคือบาป-อกุศลเหล่านี้จะถูกจัดออกไปในช่วงของอริยผลไม้ไม่ใช่ร่มรรค รายละเอียดของบาป-อกุศลที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงบอกถึงแหล่งที่มาของหลักการคนละแหล่ง การอุปมาอธิบายหรืออ้างอิงพระบาลีคณะตำแหน่งบอกถึงที่มาของความคิด ความยอมรับ และมุมมอง ที่พัฒนามาจากแหล่งที่ต่างกัน สำหรับส่วนที่มีความเหมือนกันกล่าวคือการจัดบาป-อกุศลเป็นชั้นๆ ตามขั้นของโลกธรรมันั้น หากสังเกตอย่างใกล้ชิดแล้วจะพบว่าเป็นส่วนของโครงสร้าง ซึ่งเนืององค์ประกอบหลักของพุทธศาสนาที่มีความเป็นสากล ลูกนำมาใช้ร่วมกัน
บทที่ 3 เอเชียอาคเนย์ | 161