ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์พุทธโธราณ 1 ฉบับประชาชน
จะเห็นได้ว่า คำสอน “ธรรมกาย” มีมาก่อนการแตกนิกายเป็น
หินยาน มหายาน อีกทั้งมหายานนั้นยังมีสองยุค คือยุคก่อนการขยายความ
และยุคหลังการขยายความ แต่อย่างยุคต่างกันหลายร้อยปี ดังนั้นจึงไม่อาจพูด
ได้ว่ามหายานเป็นนิกายที่ก่อนนิก่อนธรรมกาย แต่พูดได้ว่า มีคำสอนธรรมกาย
ในมหายานทั้งยุคก่อนขยายความและยุคหลังการขยายความ
2.2 นอกจากนั้นยังมีประเด็นที่ต้องคิดอีกว่า ความขัดแย้งระหว่าง
สำนักมหายานกับเถรวาทเมื่ครั้งสังฆายานั้น เพียงแค่การขัดแย้งกันก็
ก่อเกิดสิ่งที่เรียกว่า “การแตกนิกาย” เลยหรือ ? นั้นออกจะเป็นการสรุปที่ง่ายเกิน
ไป เพราะการสร้างนิกายใดนิกายหนึ่งขึ้นมาน่าจะเป็นผลทางประวัติศาสตร์
มากกว่าการประกาศแยกตัวไม่ลงโบสต์เดี่ยวกันทันทีนั้น อีกทั้งร่อง
รอยที่ค้นพบบ่งชี้ว่าพระสงฆ์ที่นานกับมหายานนั้นท่านเคยร่วมอาราม
เดียวกันอย่างช้านานในดินแดนเอเชียกลาง
2.3 แต่จะมีมุมมองต่างๆ กันในเรื่องนี้ แต่ทางวิจัยนี้ชี้ว่าคำภีร์
“กระแสหลัก” ดังเดิม (ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะถ่ายทอดมาแต่ครั้งพุทธกาล) มีค่า
สอนอะไรก็แล้วแต่ที่ว่ากันว่าเป็น “มหายาน” ประนดยแล้ว แต่ฝ่ายหินยาน
หรือสายสีรงค์ไม่ได้บันทึกลงไป แม้ไม่บันทึกแต่จากร่องรอยก็ยังไม่
สามารถปฏิเสธได้ว่ามีอยู่จริง ยิงไปว่านั่น นักวิชาการสายมหายานล้วนนิยมหยันยืนยัน
ว่าคัมภีร์อย่างมาหาปรีนิวราณสูตรนั้นเป็นคำสอนสุดท้ายของพระพุทธองค์ใน
ปีปริจกพน ถ้าว่ามาหาปรีนิวราณสูตรเป็นมหายาน มหายานก็จะต้องมีดังแต่
สมุยพุทธกาลแล้ว