ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักฐานธรรมภายในคัมภีร์พุทธโอวาท 1 ฉบับประชาชน
ความเหมือนกันในส่วนของหลักการและความแตกต่างในระดับกระบวนการปฏิบัติ นี้ให้เห็นว่าหลักการในภาคปฏิบัติ ทั้งสองฝ่ายมาจากโครงสร้างเดียวกัน แต่พัฒนากระบวนการในการปฏิบัติไว้วางกัน และมีความเป็นไปได้สูงที่การพัฒนานั้นเป็นอิสระต่างคนต่างพัฒนา ซึ่งเห็นได้ชัดจากการหยุดนิ่งที่ตำแหน่งที่ตั้งของจิตเพียงจุดเดียวในการวิชาชาธรรมภาย กับการเคลื่อนของจิตไปตำแหน่งต่างๆ หลายตำแหน่งในกรณีวาวร และเห็นได้ชัดอีกในกระบวนการทำความสำเร็จในชั้นของอริยมรรค (กายหยายม) สัมพันธ์ชั้นของอริยมรรค (กายละเอียด) ของวิชาชาธรรมภาย ซึ่งแตกต่างกับการทำความสำเร็จในชั้นของอริยมรรคให้เสร็จสิ้นทั้งหมด ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการทำความสำเร็จในชั้นของอริยมรรคของโยคาวจร
งานวิจัยนี้ชี้ว่าธรรมภายในเป็นที่รู้จักกันมานานแล้วในสังคมชาวพุทธของเธออาดเนย์ เมื่อนับเนื่องด้วยอายุของโยคาวจร ซึ่งอาจสืบสาวด้วยเหตุำนำวรรณะกรรมไปถึงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ธรรมภายเป็นที่รู้จักว่าประกอบขึ้นด้วยญาณและเป็นคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า การไปสู่นิพพานคือการได้พบพระพุทธเจ้าซึ่งควรหมายถึงการได้พบพระธรรมภายด้วยโยคาวจรได้พัฒนากระบวนการปฏิบัติสมาธิวนาเพื่อไปยังจุดดังกล่าวและได้บันทึกไว้เพื่อทำความเข้าใจสำหรับผู้ต้องการปฏิบัติ โดยได้ถ่ายทอดมาตั้งช่วงท้ายพุทธศตวรรษที่ 24 ส่วนกระบวนการปฏิบัติสมาธิวนาของวิชาชาธรรมภาย ซึ่งตั้งขึ้นโดยพระมงคลเทพมุนี (สด จนทสโร) ในศรีังท้ายพุทธศตวรรษที่ 25 ต่อมาถึงพุทธศตวรรษที่ 26 และกล่าวว่าได้รื้อพื้นขึ้นหลังจากสุขายไหมราวสองพันปีนั่น มีความแตกต่างในนัยสำคัญของการปฏิบัติเป็นอย่างยิ่งจากโยคาวจร การวิจัยค้นว่าถ้าคำกล่าวของพระมงคลเทพมุนี (สด จนทสโร) ดังกล่าวควรได้รับการศึกษาต่อไป