ข้อความต้นฉบับในหน้า
2. ท่านกล่าวถึงอานิสงส์ของการตรัสरेลึกถึงพระพุทธคุณ ว่า จะทำให้มีจิตใจสงบ ตั้งมั่น และมีความรู้กว้างขวางของงาม และมองเห็นพระพุทธเจ้าหลายพันโภภ์ หรือมากยิ่งกว่าเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา และสอนให้ตั้งความปรารถนา ถึงพระโพธิญาณอันเป็นอจินไตย
3. กล่าวไว้ว่ามสมกับสุขุติคืออันเดียวกัน สอนให้ระลึกถึงพระองค์ในเบื้องต้น แล้วกล่าวถึงการดำรงอยู่ในอินิมิต ให้มองเห็นทุกสิ่งว่ามาแปล ทั้งยังกล่าวถึงการดำรงอยู่ในธรรมภาย (อันเป็นอภาวะ) และการไม่เห็นพระองค์โดยรูปปาย และการรับรู้พระพุทธคุณซึ่งในที่สุดจะทำให้ ได้รู้ได้เห็นพระองค์ ผู้เป็นนกะของโลกตลอดคืนและตลอดวัน ไม่พรากจากไปแม้ในยามเจ็บป่วยใกล้จะละสังขาร....
ข้อความที่กล่าวต่อเนื่องมาตามลำดับดังนี้บ่งบอกว่า การได้เห็นตลอดคืนตลอดวันนเป็นการเห็นโดยธรรมภายซึ่งเป็นสภาวะที่ละเอียด แตกต่างจากการเห็นในระดับ “บริกรรมมินิม” สอดคล้องกับหลักการของวิชชาธรรมกาย ที่สอนให้ทั้งหยาบเพื่อเข้าสู่ละเอียดย่อมละเอียด ภาพละเอียดยิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังนี้เกิดจากสมาธิ มีได้เกิดจากการนึกเอาเองจากสมองของกายหยาบ
4. เมื่อเจ็บป่วยใกล้ตายก็จะไม่ละจากการเห็นพระพุทธเจ้าคนั่น เป็นเพราะจิตได้สั่งสมอบรมมาดีแล้วจนรู้แจ้งชัดในความว่างเปล่าของธรรมทั้งหลายทั้งในอดีตและอนาคต จิตจึงไม่หลุดออกไปจากทางสายกลาง ซึ่งตรงกันกับที่วิชชาธรรมกายที่สอนว่า เมื่อปล่อยวางสิ่งทั้งปวง ก็จะเข้าถึงซึ่งกลาง และธรรมแท้ที่มีอยู่ภายใน เป็นการเข้าถึงความว่างในว่งไปเรื่อย ๆ จนถึงที่สุดคือภาวะที่ว่างเปล่าจากกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวง