การทำสังคมสงเคราะห์และศาสนสงเคราะห์ GB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก หน้า 29
หน้าที่ 29 / 298

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงความสำคัญของการทำสังคมสงเคราะห์และศาสนสงเคราะห์ โดยเน้นที่การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นและสามารถพัฒนาตนเองได้ นอกจากนี้ยังมีการวิเคราะห์เหตุผลที่ทำให้บางคนไม่คิดทำสังคมสงเคราะห์ เช่น ความเชื่อว่ารัฐเป็นผู้รับผิดชอบ, การมองว่าผู้ยากไร้เป็นคนเกียจคร้าน, และความตระหนี่ในการให้ความช่วยเหลือ.

หัวข้อประเด็น

-ความสำคัญของการทำสังคมสงเคราะห์
-เป้าหมายในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
-เหตุผลที่คนไม่ทำสังคมสงเคราะห์
-พระพุทธศาสนาและการช่วยเหลือสังคม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

อนึ่ง สำหรับพระภิกษุสงฆ์ผู้ตั้งใจบวชเพื่อสืบทอดพระศาสนา หากไม่ได้รับการสงเคราะห์จาก ญาติโยม ท่านก็ไม่สามารถดำรงอยู่ในสมณเพศได้ จำต้องสึกหาลาเพศออกไปประกอบอาชีพดังเช่น ฆราวาสโดยทั่วไป ถ้าขาดศาสนทายาท เสียแล้ว พระพุทธศาสนาย่อมตั้งอยู่ไม่ได้ สังคมใดที่ขาดธรรมะในพระศาสนาเป็นเครื่องพัฒนาจิตใจ แน่นอนเหลือเกินว่าผู้คนในสังคม นั้นจะมีพฤติกรรมเบียดเบียนกันด้วยเรื่องต่างๆ มากมาย ที่สำคัญก็คือต่างแย่งกันกิน แย่งกันอยู่ แย่งกันใช้ ถ้าเป็นเช่นนี้ สังคมจะมีสันติสุขได้อย่างไร ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า วัตถุประสงค์สำคัญของการทำสังคมสงเคราะห์ ก็เพื่อให้ความช่วย เหลือประคับประคองผู้ด้อยโอกาสในด้านต่างๆ ดังนี้ คือ 1) เพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตามสมควรแก่อัตภาพ 2) เพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสมีโอกาสได้รับการศึกษาอบรมทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นการ พัฒนาให้เขาเหล่านั้นเป็นพลเมืองดีของชาติ 3) เพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่ตนกำลังเผชิญอยู่ได้สำเร็จ ส่วนวัตถุประสงค์สำคัญของการทำศาสนสงเคราะห์ ก็เพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ วัฒนาถาวรสืบไป เพื่อว่าพระสงฆ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบจะได้มีโอกาสทำหน้าที่ปลูกฝังสัมมาทิฏฐิลงในใจ ของผู้คนในสังคมโดยง่ายอย่างกว้างขวาง และ ต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทำไมบางคนจึงไม่คิดทำสังคมสงเคราะห์ ผู้ที่ไม่คิดทำสังคมสงเคราะห์ ทั้งๆ ที่ตนก็อยู่ในฐานะที่จะทำได้โดยไม่เดือดร้อนนั้น แต่ละคน อาจมีความเห็นแตกต่างกันออกไป ซึ่งอาจแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท คือ 1) บางพวกเห็นว่าเรื่องสังคมสงเคราะห์เป็นหน้าที่รับผิดชอบของรัฐ บุคคลกลุ่มนี้คิดว่า ตนเองเสียภาษีให้แก่รัฐแล้ว ดังนั้นรัฐจึงต้องจัดสรรเงินภาษีไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ไม่ใช่หน้าที่ของ พวกเขาที่จะต้องตามไปสงเคราะห์ใครๆ 2) บางพวกเห็นว่าผู้คนที่ขัดสนยากไร้ ก็เพราะเกียจคร้าน จึงเห็นว่าการให้การสงเคราะห์ ผู้คนเหล่านี้ ก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมพวกเขาให้เกียจคร้านในการทำมาหากินยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้คนในกลุ่มนี้ จึงไม่คิดทำสังคมสงเคราะห์ 3) บางพวกมีความตระหนี่ถี่เหนียวมาก บุคคลในกลุ่มนี้มีความคิดว่า การที่ตนมั่งมีทรัพย์สิน เงินทอง ก็เพราะรู้จักเก็บหอมรอมริบมาเป็นเวลานาน ถ้าจะบริจาคเงินสงเคราะห์ผู้อื่นก็จะทำให้ทรัพย์สิน ของตนพร่องลงไป บางคนยังคิดด้วยความรอบคอบ แต่คับแคบต่อไปอีกว่า ถ้าตนบริจาคทรัพย์สินเงินทอง 14 DOU สูตรสำเร็จ การพัฒนาสังคมโลก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More