การเข้าใจตะแกรงกายสิทธิ์และอำนาจของสัมมาทิฏฐิ GB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก หน้า 139
หน้าที่ 139 / 298

สรุปเนื้อหา

บทความนี้ได้อธิบายถึงความสำคัญของการศึกษาเรื่องตะแกรงกายสิทธิ์ และการนำความรู้ไปพัฒนาตนเองรวมถึงการปรับปรุงมิตรภาพในสังคม การเข้าใจและนำสัมมาทิฏฐิมาใช้จะป้องกันความชั่วและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทางจิตใจ ผู้เขียนยังชี้ให้เห็นว่าความเข้าใจในสัมมาทิฏฐิมีกระบวนการที่ต้องใช้เวลา และความเข้าใจที่ดีจะช่วยให้เกิดปัญญาและเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน ในที่สุดเราจะสามารถสร้างสังคมที่มีมิตรแท้และลดการเกิดมิตรเทียมได้

หัวข้อประเด็น

-ตะแกรงกายสิทธิ์
-สัมมาทิฏฐิ
-กัลยาณมิตร
-การพัฒนาจิตใจ
-การศึกษาเรื่องธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ถ้าผู้คนในสังคมได้ศึกษาเรื่อง “ตะแกรงกายสิทธิ์” ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วนำ ความรู้มาปรับปรุงแก้ไขตนเอง และบุคคลใกล้ชิดในลักษณะถ่ายทอดความดีให้แก่กันและกัน ป้องกัน ความชั่วของตนไม่ให้แพร่กระจายออกไป และพยายามกำจัดเสีย สัมมาทิฏฐิที่เข้าไปอยู่ในใจผู้คนแล้ว ก็จะ ไม่มีวันเสื่อมถอย หรือแปรเปลี่ยน เพราะผู้คนในสังคมต่างตั้งใจพัฒนาตนเองให้เป็น “มิตรแท้” หรือ “กัลยาณมิตร” ขณะเดียวกันก็จะไม่มีมิตรเทียมเกิดขึ้นใหม่ เหล่านี้คือผลพลอยได้จาก “ตะแกรงกายสิทธิ์” จากเรื่องลักษณะ และพฤติกรรมของมิตรแท้ เรื่องเครื่องมือค้นหามิตรเทียมมิตรแท้ คือ ตะแกรงกายสิทธ์ ตลอดจนการใช้ตะแกรงกายสิทธ์ให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง ที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด นักศึกษาคงจะเกิดความรู้ความเข้าใจแล้วว่า “กัลยาณมิตร” คือผู้มีบทบาทสำคัญยิ่ง ในการสนับสนุนส่ง เสริมให้เราตั้งอยู่ในความดี มีสัมมาทิฏฐิอย่างยั่งยืนไม่แปรเปลี่ยน สรุป มิจฉาทิฏฐินั้น แม้ไม่มีการปลูกฝังอบรม ก็สามารถเกิดขึ้น และมีอำนาจเหนือความคิดจิตใจ ของผู้คนได้ตลอดเวลา เฉกเช่นวัชพืชทั้งหลาย แม้ไม่มีใครปลูกก็ขึ้นงอกงามได้เอง ต้องปราบกันอยู่เสมอ ยังไม่ยอมหมด ส่วนสัมมาทิฏฐินั้น แม้คนได้รับฟังธรรมเรื่องนี้แล้ว ก็ใช่ว่าจะเกิดความเข้าใจกันทุกคน บางคน แม้ฟังหลายๆ ครั้งแล้ว ก็เข้าใจเพียงบางข้อเท่านั้น ยังเข้าใจไม่ครบทั้ง 10 ข้อ เนื่องจากตนเองใจยังไม่ ละเอียดพอ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ อีกทั้งไม่เคยคิดหาวิธีพิสูจน์ เพราะยังติดอยู่ในวงจรมิจฉาทิฏฐิ แม้บางคนที่ได้ศึกษาจนเกิดความเข้าใจสัมมาทิฏฐิทั้ง 10 ประการ โดยปราศจากข้อกังขาใดๆ แล้ว แต่สัมมาทิฏฐิของเขา ก็ยังไม่สามารถก่อให้เกิดประสิทธิผลใดๆ เพราะยังเป็นสัมมาทิฏฐิที่อยู่ในระดับ “ความเข้าใจ” เท่านั้น คือยังไม่เข้าไปอยู่ในใจ จนเกิดเป็นลักษณะนิสัยประจำตัวประจำใจ บุคคลประเภทนี้ ย่อมพร้อมที่จะแสดงพฤติกรรมเยี่ยงมิจฉาทิฏฐิชน คือมีพฤติกรรมเป็นมิตรเทียมได้เหมือนกัน หากตกอยู่ ในสภาพแวดล้อมไม่อำนวยบางอย่าง ต่อเมื่อสัมมาทิฏฐิได้เข้าไปอยู่ในใจอย่างมั่นคง จนเกิดเป็นลักษณะนิสัยประจำตัวประจำใจ ของบุคคลแล้วเท่านั้น จึงจะมีประสิทธิภาพก่อให้เกิดปัญญาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า แท้ที่จริงนั้นเป้าหมาย ของการได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ก็คือการสร้างบุญบารมี เพื่อกำจัดอาสวกิเลสให้สิ้นไปจากใจ อันเป็นผล ให้บรรลุมรรคผลนิพพาน หรือทำพระนิพพานให้แจ้ง หลุดพ้นไปจากสังสารวัฏโดยเด็ดขาด ความ เข้าใจเช่นนี้ย่อมนำไปสู่การตั้งเป้าหมายชีวิต 3 ระดับดังได้กล่าวแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงวิธีปฏิบัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ระดับดังกล่าวไว้อย่าง ชัดแจ้ง อย่างไรก็ตามบุคคลที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายชีวิตระดับที่ 3 ได้นั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง ถ้ายังไม่ สามารถหรือไม่เคยบรรลุเป้าหมาย 2 ระดับต้นแล้ว อย่าพึงหวังว่าจะมีโอกาสบรรลุเป้าหมายชีวิตระดับที่ 3 124 DOU สูตรสำเร็จ การพัฒนาสังคมโลก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More