ข้อความต้นฉบับในหน้า
สมาทานอุโบสถหญิงนั้นจึงรับมะม่วงจากปุโรหิตมารับประทานนี้คือความดีประการที่สองของพราหมณ์ปุโรหิต
งามสง่า
ครั้นเมื่อละโลกนี้ไปแล้ว พราหมณ์ปุโรหิตนั้นได้ไปเกิดในวิมานทองอันงามเรืองรอง เป็นเทพบุตร
แวดล้อมด้วยเทพกัญญาหมื่นหกพันเป็นบริวารเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรม
2 ประการ ที่ทำไว้ แต่เพราะวิบากกรรมที่สั่งสมไว้ ในเวลารุ่งอรุณ เทพบุตรนั้นก็จะกลายสภาพเป็นเปรต
เข้าไปสู่สวนอัมพวัน มีรูปร่างสูงผอมขนาดต้นตาล มีไฟติดทั่วร่าง เสมือนดอกทองกวาวที่บานสะพรั่งเต็มต้น
นิ้วมือทั้งสิบนิ้วมีเล็บโตเท่าจอบขนาดใหญ่ เขาเอาเล็บกรีดจิกควักเนื้อที่แผ่นหลังของตนออกมากิน
เสวยทุกขเวทนาร้องโอดครวญอยู่ ครั้นเมื่อพระอาทิตย์ตก ร่างของเปรตก็หายไป บังเกิดเป็นร่างเทพบุตร
งามสง่าขึ้นมาแทน
พระบรมศาสดาตรัสสรุปผลแห่งกรรมของเวมานิกเปรตนั้นว่าการที่เวมานิกเปรตนั้นได้เสวยยศ
อันเป็นทิพย์ แวดล้อมด้วยหญิงฟ้อนหมื่นหกพันเป็นบริวารบำรุงบำเรอ เป็นผลจากการรักษาอุโบสถศีลครึ่งวัน
การได้สวนอัมพวัน อันมีปริมณฑล 3 โยชน์ เป็นผลจากการให้มะม่วงแก่สตรีผู้สมาทานอุโบสถ แต่เพราะ
เหตุแห่งการกินสินบน ตัดสินคดีอย่างไม่เป็นธรรม จึงต้องจิกควักเนื้อบนแผ่นหลังของตนกิน
จากเรื่องทั้ง 2 ที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ เป็นเรื่องของผู้มีหน้าที่รักษาความยุติธรรม แต่การทำ
หน้าที่ของบุคคลทั้งสอง ก็เหมือนกันตรงที่ไร้ความเป็นธรรม เนื่องจากกินสินบน แต่ลักษณะนิสัยและ
พฤติกรรมอื่นๆ อาจแตกต่างกันออกไปบ้าง เมื่อละโลกไปแล้ว จึงประสบวิบากกรรมต่างกัน
อย่างไรก็ตามการทำกรรมไม่ว่าดีหรือชั่ว แม้เพียงเล็กน้อย ก็ให้ผลวิบากมากมายเกินคิดเกินคาด
ดังเช่นพราหมณ์ปุโรหิต สมาทานอุโบสถเพียงครึ่งวัน ก็ได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตร เสวยยศอันเป็นทิพย์ พร้อม
บริบูรณ์ด้วยหญิงฟ้อนบำรุงบำเรออย่างมีความสุขสนุกสนาน แต่การที่บุคคลทั้ง 2 ปฏิบัติหน้าที่ด้วยอคติ
ซึ่งในความรู้สึกนึกคิดของผู้ที่สัมมาทิฏฐิยังไม่เข้าไปอยู่ในจิตใจอย่างมั่นคงอาจจะมองว่าเป็นบาปเล็กๆ น้อยๆ
แต่เมื่อวิบากของบาปนั้นปรากฏขึ้นแล้ว ก็หนักหนาสาหัสถึงขั้นเป็นเปรตและตกนรกทีเดียว ด้วยเหตุนี้
โบราณาจารย์จึงเตือนสติเสมอว่า “ความชั่วแม้เพียงน้อยนิด อย่าได้คิดทำเป็นอันขาด ส่วนความดีแม้
เพียงนิดน้อย ก็อย่าคอยใคร จงรีบทำไปเถิด”
2.3.3 ความสำนึกรับผิดชอบต่อศีลธรรมทางเศรษฐกิจ
บุคคลที่มีความสำนึกรับผิดชอบประการที่ 3 มีพฤติกรรมอย่างไร
พฤติกรรม หรือการประพฤติปฏิบัติที่แสดงว่า คนเรามีความสำนึกรับผิดชอบต่อศีลธรรมทาง
เศรษฐกิจ ก็คือ การเว้นขาดจากอบายมุขทั้งปวง
อบายมุข คืออะไร
ได้อธิบายคำว่า “อบายมุข” ไว้ครั้งหนึ่งแล้วในเรื่องเกี่ยวกับวิบากของกรรมดีและกรรมชั่วว่า
หมายถึง “ปากทางแห่งความฉิบหาย”
74 DOU สูตรสำเร็จ การพัฒนาสังคมโลก