ความเห็นในข้อที่ 10 จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า GB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก หน้า 71
หน้าที่ 71 / 298

สรุปเนื้อหา

ในข้อที่ 10 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสให้เห็นถึงการสร้างกรรมดีและผลของมันในโลกนี้และโลกหน้า การสร้างบุญกุศลสามารถทำให้ใจกระจ่างใส สว่าง สงบ และนำไปสู่การรู้แจ้งโลก ดังนั้น การปฏิบัติศีล สมาธิ และปัญญาอย่างถูกต้องจะนำไปสู่การเข้าใจสัจธรรมที่แท้จริงของชีวิต นักปฏิบัติที่มีความวิริยะจึงสามารถเห็นแจ้งได้อย่างแตกต่างกันตามระดับการปฏิบัติ

หัวข้อประเด็น

-การสร้างกรรมดี
-ผลของบุญกุศล
-ความสำคัญของศีล สมาธิ และปัญญา
-การรู้แจ้งในสัจธรรม
-การปฏิบัติตามพระธรรมวินัย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสแสดงความเห็นในข้อที่ 10 จากการพิจารณาความเห็นถูกเป็นสัมมาทิฏฐิ ตั้งแต่อันดับที่ 1 ถึง 10 ด้วยโยนิโสมนสิการ ย่อมเห็นได้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระพุทธประสงค์ที่จะชี้แนะชาวโลกให้เกิดความเข้าใจถูกต้องใน เรื่องโลกและชีวิตให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งอาจกล่าวสรุปได้เป็นข้อๆ ดังนี้ 1) เข้าใจถูกว่า ต่างคนต่างเกิดมาเพื่อสร้างเฉพาะกรรมดีเท่านั้น การสร้างกรรมดีในรูป แบบต่างๆ ล้วนเป็นการสั่งสมบุญกุศลของคนเรา เพื่อประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า และ ประโยชน์สูงสุดคือการบรรลุมรรคผลนิพพานไม่ต้องย้อนกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารวัฏอันหาจุดจบ มิได้อีกต่อไป ตรงกันข้ามผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมเป็นการสั่งสมบาปอกุศลไว้ในใจตน ทำให้ใจมีแต่ความมืดมิด อันเป็นทางนำไปสู่โทษภัยทั้งโลกนี้และโลกหน้า ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของความมีโชคดีที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา 2) เข้าใจถูกว่า บุญกุศลมีฤทธิ์สยบกิเลสได้ การสั่งสมบุญกุศลด้วยการศึกษาและปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ใจคนเราผ่องใส บริสุทธิ์ สว่างขึ้นไปตามลำดับๆ จนถึงขั้นสว่างโพลง ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ความสว่างโพลงของใจจะสามารถส่องให้เห็นความไม่แน่นอนของโลก ตลอด จนความเป็นไปของชีวิตตามความเป็นจริงได้ลึกลงไปในอีกระดับหนึ่ง ซึ่งตาเนื้อ (มังสจักษุ) มองไม่เห็น การเห็นเช่นนี้เป็นการเห็นด้วยตาของกายทิพย์ (ทิพยจักษุ) อาจจัดว่าเป็นการเห็นด้วยใจก็ได้ การเห็นด้วยทิพยจักษุเช่นนี้ จะทำให้คนเราพัฒนาหิริ โอตตัปปะ คือความอายต่อการ ทำความชั่วความบาปและความกลัวต่อวิบากของบาปมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดปัญญาสอนตนเองให้รู้จัก ระมัดระวังตัวไม่ให้ทำชั่ว ให้เลือกทำแต่ความดี ใจก็จะสะอาดสว่างอย่างต่อเนื่องยิ่งขึ้นทั้งวันทั้งคืน กิเลส จึงไม่ได้ช่องกำเริบออกฤทธิ์เลย ทำนองเดียวกับหญ้าที่ถูกหินทับ ย่อมงอกงามไม่ได้ นี่คือความหมายที่ว่า บุญกุศลมีฤทธิ์สยบกิเลสได้ 3) เข้าใจถูกว่า ผู้ที่ใจสะอาดอย่างสมบูรณ์ย่อมสามารถรู้แจ้งเห็นแจ้งโลกนี้โลกหน้าได้ การ ปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา จนกระทั่งใจหยุดนิ่งสนิทอย่างถาวร (บรรพชิตมีโอกาสปฏิบัติได้ผลมากกว่าคฤหัสถ์ เพราะไม่ต้องกังวลด้วยเรื่องการทำมาหากิน) ความสว่างโพลงที่กลางใจก็จะเกิดขึ้นอย่างถาวร ถึงขั้นส่อง ให้เห็นความเป็นไปของโลกนี้โลกหน้าได้ตรงตามเป็นจริงคือสว่างยิ่งกว่าตะวันเที่ยงหลายหมื่นหลายแสนเท่า ประสบการณ์ภายในอันวิเศษนี้ คือพัฒนาการที่เรียกว่า “ธรรมจักษุ” ซึ่งเป็นเครื่องช่วยให้คนเราเห็นแจ้งรู้ แจ้งโลกนี้โลกหน้าได้ตรงตามเป็นจริง ตลอดจนการเห็นสัจธรรมต่างๆ มีอริยสัจ 4 เป็นสำคัญ แต่ทว่า ศักยภาพแห่งการรู้แจ้งเห็นแจ้งของบุคคลจะอยู่ในระดับใดย่อมแตกต่างกันไปตามมรรค และผลของผู้ ปฏิบัติแต่ละคน ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่า นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเหล่าพระอรหันตสาวกใน อดีตกาลแล้ว แม้ในปัจจุบันบุคคล ที่ศึกษาและปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัย ด้วยความวิริยะอุตสาหะ 56 DOU สูตรสำเร็จ การพัฒนาสังคมโลก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More