ข้อความต้นฉบับในหน้า
มีผ้าเปียก มีผมเปียก ประคองอัญชลีไหว้ทิศทั้งหลาย คือ ทิศเบื้องหน้า ทิศเบื้องขวา ทิศเบื้องหลัง ทิศเบื้องซ้าย
ทิศเบื้องล่าง ทิศเบื้องบนอยู่ เพราะเหตุไร”
อธิบายความ : พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสถามเพื่อชวนสนทนาขึ้นก่อน ในฐานะที่
สิงคาลกะเป็นบุตรของศิษย์ของพระองค์เอง
สิงคาลกะ คหบดีบุตรกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บิดาของข้าพระองค์ก่อนจะตาย ได้
กล่าวไว้อย่างนี้ว่า “นี่แน่ะลูก เจ้าจึงไหว้ทิศทั้งหลาย” ข้าพระองค์สักการะ เคารพ นับถือ บูชาคำของบิดา
จึงลุกขึ้นแต่เช้า ออกจากกรุงราชคฤห์ มีผ้าเปียก มีผมเปียก ประคองอัญชลีไหว้ทิศทั้งหลาย คือ ทิศเบื้อง
หน้า ทิศเบื้องขวา ทิศเบื้องหลัง ทิศเบื้องซ้าย ทิศเบื้องล่าง ทิศเบื้องบนอยู่”
อธิบายความ : สิงคาลกมาณพผู้นี้ เป็นบุตรของเศรษฐีท่านหนึ่งในกรุงราชคฤห์ ทั้ง
พ่อและแม่ของเขาเป็นพระอริยสาวกระดับพระโสดาบัน และได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว แต่ตัว
ของเขาเองกลับไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเลย
เหตุที่เขาไม่มีศรัทธา เข้าใจว่าเป็นเพราะเมื่อเขายังเล็ก พ่อแม่อาจเอาเวลาไปทุ่มให้
กับการทำมาหากิน จึงขาดการอบรมดูแลปลูกฝังศีลธรรมให้แก่บุตร
ครั้นต่อมา เมื่อตั้งฐานะได้มั่นคง มีโอกาสเข้าวัดปฏิบัติธรรมและฟังธรรม จากพระ
สัมมาสัมพุทธเจ้า จนกระทั่งบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน สิงคาลกะผู้เป็นบุตรชายก็กลาย
เป็นเด็กมีปัญหาไปแล้ว พร่ำสอนเท่าไรๆ ก็ไม่ฟัง เข้าทำนองที่ว่า “กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้”
ต่อมาพ่อของสิงคาลกะป่วยหนัก และเสียชีวิตค่อนข้างกะทันหัน ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต
ได้สั่งเขาไว้ว่า “ให้หวั่นไหว้ทิศ 6”
พ่อของเขาไม่อธิบายใดๆ ทั้งที่รู้เต็มอกว่า ลูกชายต้องไม่เข้าใจความหมาย และจะ
ไหว้ทิศแบบงมงาย ตามความเชื่อของคนทั่วไปในยุคนั้นอย่างแน่นอน คือ ไหว้ทิศตาม
ภูมิศาสตร์ หรือไหว้เทวดาซึ่งอาจจะมีประจำทิศนั้นๆ
พ่อของสิงคาลกะตั้งใจจะให้เขาไปฟังคำอธิบาย จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตรง
เพราะคาดการณ์ได้ว่าเมื่อตนเองละโลกแล้ว ทรัพย์มรดก ที่ให้ไว้จะต้องประสบปัญหาแน่นอน
แล้วเพราะความทุกข์นั้น สิงคาลกะก็พร้อมจะฟังธรรมะจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจน
กระทั่งเข้าใจได้ว่า ทิศ 6 ในทางธรรม หมายถึงอะไร ซึ่งจะส่งผลให้เขาสามารถปรับปรุง
ปฏิรูปตนเอง และสืบทอดดูแลกิจการของพ่อแม่ ที่มอบทรัพย์เป็นมรดกไว้ให้เขาถึง 40 โกฏิ
ได้ต่อไป
บ ท ที่ 7 สิ ง ค ล ก สู ต ร DOU 251